Lifestyle

วิถีดาวดิน “จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา" ไผ่ไหวในคืนพายุโหม?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความผูกพันในครอบครัวอาจเป็นสิ่งที่ทั้งยึดเหนี่ยว และผลักดันไปพร้อมกัน สำหรับไผ่ ที่ทำให้เขาไม่หยุดเคลื่อนไหวก็เป็นได้

               1 สิงหาคม เป็นวันเกิดไผ่ ดาวดิน สำหรับคนไทยอีกมาก ก็แค่อีกวันหนึ่งที่ดำเนินต่อไป แม้ว่าไผ่จะยังคงอยู่ในคุกก็ตาม

               แต่แน่นอนสำหรับครอบครัวของไผ่ ถ้าคิดจากสามัญความรู้สึกมนุษย์ นี่ย่อมเป็นอีกวันที่เรารู้ดีว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร

               จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่” เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2534 ปัจจุบันอายุ 26 ปี เป็นคน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ บิดามารดา คือ วิบูลย์ และพริ้ม น้องสาวคือ พิณ หรือ พร้อมพร บุญภัทรรักษา

               สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา “ไผ่ ดาวดิน” เคยเป็นนักดนตรีพื้นเมือง เล่นดนตรีได้หลายชนิด และเคยเข้าร่วมแข่งดนตรีจนได้รางวัลอันดับ 1 ภาคอีสาน ทั้งรุ่นประชาชนและเยาวชน

               อย่างที่รู้กันว่า “ไผ่” เป็นนักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเคลื่อนไหวในนามกลุ่มดาวดิน ที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

               แรกเริ่มคนไทยพอจะรู้จักเขาอยู่บ้างจากการต่อสู้ร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการโครงการพัฒนาต่างๆ ในภาคอีสาน ในนามของกลุ่ม “ดาวดิน” แต่ที่เริ่มเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมากก็คือบรรดาปฏิบัติการชนรัฐบาลทหารในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ช่วงปี 2557 และมีประเด็นต่างๆ จนต้องเข้าออกเรือนจำเรื่อยมา 

               จนครั้งสุดท้ายช่วงธันวาคมปีที่แล้ว ไผ่ยังไม่ได้ออกมาจนวันนี้กว่า 7 เดือนแล้ว ถึงขนาดต้องสอบวิชาสุดท้ายเตรียมตัวเป็นบัณฑิตกันจากเรือนจำเลยทีเดียว

               อย่างไรก็ดี หากโฟกัสเฉพาะงานดั้งเดิมของกลุ่มดาวดิน จะเห็นว่าเป็นงานเพื่อคนด้อยโอกาสจริงๆ โดยช่วงแรกจะมีวิธีการทำงานจะเรียนรู้ประเด็นปัญหาจากชาวบ้าน แล้วสมาชิกกลุ่มก็ช่วยกันสรุปบทเรียน จากนั้นมีการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ชาวบ้าน

               กระทั่งมีการศึกษาขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมไปด้วย จึงทำให้ดาวดินรุ่นหลังๆ เริ่มขยับวิธีการทำงานไปเป็นการ์ดป้องกันชาวบ้านและร่วมช่วยชาวบ้านเคลื่อนไหว ต่อสู้ผลกระทบจากการแย่งชิงทรัพยากรมาสิบกว่าปีแล้ว

               อย่างข่าวดังที่พวกเขาร่วมกันต่อสู้กับชาวบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากกรณีเหมืองแร่ทองคำ จ.เลย ช่วงปี 2556 พวกเขาเคยคุกเข่าเปียกปอนท่ามกลางสายฝน เป็นรั้วขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ปะทะชาวบ้านมาแล้ว

               เพียงแต่ช่วงหลังรัฐประหารการเคลื่อนไหวของกลุ่มดาวดินกลับยืนอยู่ตรงกึ่งกลางของการเมืองกับประชาชนที่หลายคนแยกไม่ออก ภาพของพวกเขาจึงเพี้ยนไปในสายตาคนอีกฟาก

               โดยเฉพาะกับไผ่ ดาวดิน ที่ดูจะฉายแสงแรงกว่าดาวดวงอื่นในกลุ่ม ถามว่าอะไรหล่อหลอมเขามาแบบนี้

               แน่นอนเมื่อหันไปมองทางครอบครัวด้วยสายเลือดของลูกทนายทั้งพ่อและแม่ โดยเฉพาะพ่อวิบูลย์ บุญภัทรรักษา หรือ “ทนายอู๊ด” ก็เป็นทนายความสายสิทธิมนุษยชน ร่วมทีมทองใบ ทองเปาว์

               แต่สายเลือดอย่างเดียวไม่พอ บ้านนี้ยังพูดภาษาเดียวกันอีกด้วย ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นความเคลื่อนไหวของคนในครอบครัวไผ่ ที่ชัดเจนว่าสนับสนุนและเคียงข้างเขามาตลอด พยายามที่จะขอประกันตัวไผ่ครั้งแล้วครั้งเล่า

               โดยครั้งสุดท้ายที่ยืนคือ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวแจ้งไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า นี่คือครั้งที่ 10!! 

               แต่ไม่สำเร็จเพราะไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมของศาลอุทธรณ์ภาค 4

               ถ้าไม่พูดถูก-ผิด ในทางกฎหมายฉบับปัจจุบัน ความผูกพันในครอบครัวอาจเป็นสิ่งที่ทั้งยึดเหนี่ยว และผลักดันไปพร้อมกันสำหรับไผ่ ที่ทำให้เขาไม่หยุดเคลื่อนไหวก็เป็นได้

               ไม่เช่นนั้นกับรางวัลรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งไผ่ได้รับช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา พวกเขาจะไม่เพียรพยายามในการยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินประกัน 7 แสนบาท เพื่อขอให้ปล่อยตัวไผ่ไปรับรางวัลดังกล่าวที่เมืองกวางจู เกาหลีใต้ จนแม้ว่าความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล ทั้งสามชีวิต รวมน้องสาวไผ่จึงเดินทางไปรับแทน

               ก่อนหน้านี้วิบูลย์และพริ้มยังเคยให้สัมภาษณ์สื่อประชาไทว่า ไผ่นั้นเคยติดตามผู้เป็นพ่อเคลื่อนไหวกับชาวบ้านตั้งแต่เด็กๆ บทบาทของผู้ปกครองต่อตัวลูกที่มองว่าทำได้แค่ประคับประคอง แต่จะไปชี้นิ้วสั่งการไม่ได้

               พ่อของไผ่เคยพูดว่า "ทางครอบครัวไม่ต้องห่วงเพราะว่าเราเข้าใจ มันจะเป็นอย่างไรข้างหน้าเราคิดว่าเรารับได้ และเราจะร่วมแก้ไขไปด้วยกัน” 

               ส่วนแม่เคยบอกว่า ตนเองนั้นก็เหมือนคนทั่วไปที่ต้องการให้ลูกจบมีงานทำ มีรถมีบ้าน แต่ว่าสิ่งที่ไผ่ทำมันคือการช่วยคนในเรื่องที่ทำกิน สิ่งแวดล้อม ตนจึงไม่เสียใจที่ไผ่ทำ และจะเป็นพลังให้ลูกต่อไป

               ด้านน้องสาวไผ่ “พิณ” นักเรียน ม.ปลายโรงเรียนภูเขียว จ.ชัยภูมิ ก็เดินตามพี่ชายมาติดๆ เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าตั้งแต่ที่ไผ่ถูกจับ ชีวิตครอบครัวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ต่างคนต่างมีภารกิจ ต้องอยู่บ้านคนเดียวที่ชัยภูมิ หากวันไหนพ่อแม่เดินทางไปหาไผ่ที่เรือนจำขอนแก่น

               นอกจากนี้เธอยังเล่าว่า บรรยากาศภายในบ้านเคร่งเครียด แม่จะวิตกกังวลและคิดถึงไผ่อยู่ตลอดเวลา แม้เธอจะพยายามทำตัวสดใส บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้

               โชคดีที่เพื่อนๆ ทั้งในโรงเรียนและจากที่อื่นต่างให้กำลังใจเธอ บางคนอาจจะไม่รู้ในรายละเอียด แต่เมื่อได้เห็นคลิปที่แม่และเธอไม่สามารถพบกับไผ่ได้ก็เข้าใจความรู้สึกทุกข์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ

               สำหรับพิณนั้น เธอเล่าว่าเดิมทีตั้งใจที่จะเรียนในสายนิติศาสตร์ตามพี่ชาย แต่เมื่อเกิดเหตุกับไผ่แบบนี้ก็เริ่มตั้งคำถามหลายๆ อย่างกับกระบวนการยุติธรรม และอาจเบนเส้นทางไปทำอาชีพทนาย โดยทำด้านอื่นที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง (prachatai.com/2017/02/70264)

               พวกเขาก็คือลมใต้ปีกของไผ่ เฉกเช่นพวกเราทั่วไป ที่ครอบครัวคือที่สุดของชีวิต...และยังรอคอยจนกว่าจะถึงวันที่จะได้พบกันอีก

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ