Lifestyle

พระเอกมืออาชีพ “สมประสงค์ บุญยะชัย” แห่งวิกพระราม 4

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำไม อะไร ยังไง คนไทยถึงไม่เชื่อว่า การที่ คุณสมเกษียณออกมาจาก "อินทัช" หรือ "เอไอเอส" แล้วมานั่งประธานกรรมการบริหารช่อง 3 จะไม่มีอะไรในกอไผ่

               ตอนแรกก็อื้ออึงกันในวงการโทรทัศน์ แต่พอเจ้าของข่าวร้อน ออกมาร่อนจดหมายไปยังสำนักข่าวที่ออกข่าว ทีนี้ชาวบ้านรู้กันทั่วเลยว่า อ้าว! ทางช่องน้อยสี กำลังแย่และขายให้เอไอเอสไปแล้ว

               พอถึงตรงนี้ ก็มีคนตั้ง “สมการ มโนแจ่ม” เลยว่า ถ้าเอไอเอสเท่ากับทักษิณ และเอไอเอสเป็นเจ้าของช่อง 3 ถ้างั้นทักษิณก็เท่ากับ "จุดจุดจุด” แต่เดี๋ยวก่อน ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้น

               เพราะความจริงมันอยู่ในจอมอ จดหมายฉบับนั้นแหละ โดยทางบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ดำเนินกิจการ สถานีโทรทัศน์ช่อง 33 HD และช่อง 28 SD ชี้แจงมาว่า การเสนอข่าวนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น

               แต่การบริหารกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ก็ยังอยู่ภายใต้การนำของ ประชุม มาลีนนท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท ส่วนสำหรับการที่มีคนจากเอไอเอสเข้ามาร่วมงานนั้น ก็เพราะเชิญเข้ามาด้วยนับถือในฝีมือ แถมพวกเขาก็ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของเอไอเอสไปเรียบร้อยแล้ว

               ทีนี้ ถึงบางอ้อ เข้าใจตรงกันเสียทีว่า มันก็เป็นธรรมดาในยุทธจักรธุรกิจ ที่กระบี่มือดีก็มักมีคนอยากได้ไปร่วมรบ แถมที่จริง พวกเขาก็ได้รับแต่งตั้งตั้งแต่ช่วงมกราคม หลายเดือนมาแล้ว และเพิ่งมีผลตั้งแต่เมษายน ที่ผ่านมา

               ว่าแต่ชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่า จอมยุทธ์จากสำนักเอไอเอสที่ข้ามห้วยมาช่วยศึก คือใครกันบ้าง เปิดไปดูข่าว อ๋อมีอยู่ 3-4 คน ที่ต้องบอกว่าเป็นระดับขุนพล

               แต่ที่น่าสนใจสุดเห็นจะเป็น สมประสงค์ บุญยะชัย อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ที่เข้ามาเป็นกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหารบีอีซี นั่นเอง

               ทำไมต้องสนใจคนนี้ อ้าว! ก็ถึงขนาดย้ายจากบิ๊กเบิ้มของวงการคลื่นโทรศัพท์มือถือ มานั่งอยู่ที่บิ๊กเบิ้มวงการโทรทัศน์ไทย ก็ต้องเป็นคนพิเศษที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ

               สมประสงค์ บุญยะชัย จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ปัจจุบัน) และปริญญาโทสาขาเดียวกันที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)

               สมประสงค์ หรือ “คุณสม” ที่เรียกขานกันนั้น เคยรับราชการอยู่กองทัพอากาศ ทำอยู่ 2 ปี ต่อมาย้ายมาปูนซิเมนต์ และไปทำงานที่ไอบีเอ็มถึง 10 ปีเต็ม ตำแหน่งสุดท้ายผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

               ที่สุดชีวิตที่ “ชินคอร์ป” เริ่มขึ้นในปี 2535 และขึ้นนั่งกรรมการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ช่วงปี 2537-2551 และควบนั่งประธานคณะกรรมบริหารตั้งแต่ปี 2542-2551

               ช่วงปี 2543 เขานั่งกรรมการบริหาร บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จนมาปี 2551 เขาไปนั่งประธานคณะกรรมการบริการ บมจ.ไทยคม และนั่งรองประธานกรรมการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ควบประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง จนถึงปี 2553 นั่งกรรมการบริษัท บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง

               ถ้าจะประเมินฝีมือแล้ว “คุณสม” เป็นที่ยอมรับกันว่า ไม่เป็นรองใคร ชื่อชั้นของเขาในทางธุรกิจเรียกว่าเป็นมือพระกาฬ ทุกครั้งที่เขาขยับก็เท่ากับต้องเป็นข่าว ไม่มีครั้งไหนที่จะไม่เป็นที่สนใจ

               และหากใครพูดถึงความสำเร็จของชินคอร์ป และเอไอเอส แน่นอนต้องเป็นผลงานของเขาที่ทำให้เอไอเอสเติบโตขึ้นแซงหน้าโทรศัพท์พื้นฐาน ระบบสื่อสารของไทย

               ด้านหนึ่งก็ต้องนับเป็นคุณสมบัติของ “คุณสม” เอง ที่ด้วยความเป็นวิศวกร ซึ่งมักมีกรอบทางความคิดชัดเจน เขาจึงสามารถรับผิดชอบงานที่มีความซับซ้อนได้อย่างเรื่องโทรคมนาคม

               และเขายังเป็นคนเลือก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เข้ามานั่งเก้าอี้กรรมการผู้อำนวยการเอไอเอสช่วงปี 2545 โดยช่วงแรกคุณสมถือว่าเป็นเจ้านายโดยตรงที่ดูแลสาวปู (ในวัยเพียง 36) คือเป็นทั้งพี่เลี้ยง และมอบหมายงานในแต่ละช่วง

               ต้นปี 2549 ตระกูลชินวัตรได้ขายหุ้นถือครองทั้งหมดในชิน คอร์ปอเรชั่น ให้แก่บริษัทในเครือของเทมาเส็ก โฮลดิงส์ ของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

               และระหว่างนั้น การบ้านการเมืองมีความวุ่นวายเกิดขึ้น จนสิ้นยุคทักษิณ ต่อมาช่วงหลัง ชื่อ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จึงกลับมาให้คนไทยได้ยินอีกครั้ง

               กล่าวคือ โดยส่วนใหญ่คนไทยคิดว่า “ชินคอร์ป” เปลี่ยนชื่อมาเป็น “อินทัช” แต่จริงแล้วๆ อินทัชเองที่เกิดก่อน โดยทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อ 21 มิถุนายน 2526 ในชื่อ ชินวัตร คอมพิวเตอร์ เซอร์วิส แอนด์ อินเวสต์เมนต์

               แต่ปี 2544 ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “ชิน คอร์ปอเรชั่น” กระทั่งมาเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อปัจจุบันในปี 2557 นั่นเอง

               ก็นั่นแหละ ระหว่างที่ไม่มีทักษิณ อินทัชซึ่งอยู่ในการดูแลของคุณสม นั่งเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อจาก บุญคลี ปลั่งศิริ วางเป้าให้อินทัชมีรูปโฉมโนมพรรณใหม่ แบบไม่มีการเมืองมาเอี่ยวอีกต่อไป

               การทำธุรกิจของกลุ่มชินคอร์ปนั้น มาจากฝีมือของคุณสม นายใหญ่ตัวจริงของกลุ่มชินคอร์ป หรือเรียกให้ถูกคือ เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร กลุ่มอินทัช โฮลดิ้งส์ ถึงขนาดที่เวลานั้นเขานำพาอินทัชผงาดอย่างเกรียงไกรทั้งในแง่ “ราคาหุ้น” และ “มูลค่ากิจการ” ที่ทะยานทะลุ 2 แสนล้านบาท!

               หลัง คสช.เข้ายึดอำนาจ (อีกรอบ) “คุณสม” ยังต้องออกมาบอกอีกว่า ทางกลุ่มอินทัช กรุ๊ป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลชินวัตรอีกแล้วแม้สักคนเดียว

               หลังจากงานสุดท้ายของคุณสมจบไปแล้ว คือชนะการประมูล 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ในราคา 75,654 ล้านบาท

               เขาได้ผ่องถ่ายอำนาจ “ซีอีโออินทัช” ให้กับคนใหม่จาก AT&T, เบลล์แล็ปส์ และจีอี แคปปิตอล มาดูแลเอไอเอสแทน ถือเป็นการเกษียณ

               ปิดฉากวาระทำงานของคุณสมที่อยู่ใต้ชายคากลุ่มอินทัชมานานถึง 24 ปี และดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารมากถึง 7 ปี

               แต่คนไทยก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดีว่า การที่เขาเกษียณออกมาจากอินทัช แล้วมานั่งประธานกรรมการบริหารช่อง 3 ว่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่

               ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่คำตอบก็ตามในจดหมายจากช่อง 3 ที่ว่าก็ไม่มีอะไรจริงๆ!! จบป่ะ?

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ