Lifestyle

ขาลุยคุ้ยโกง “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ศึกดิวตี้ฟรีมีเดิมพัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รับบทบาทมาไล่เช็คบิลนักการเมืองขี้ฉ้อทั้งที งานนี้ "ชาญชัย" ต้องทำให้สุด!! ต่อให้ใครมาขุดประวัติก็ไม่สะท้าน!! ว่าแต่ประวัติอะไร ทำไมต้องหนาวด้วย?

               เอาแน่!! ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ วันนี้บทบาทที่ได้รับเจ้าตัวก็ออกลีลาว่าต้องตีให้แตก!

               อย่างล่าสุดที่เขายื่นฟ้องศาลให้ดำเนินคดี ประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” กับพวก รวม 18 คนในข้อหาเกี่ยวกับการทุจริตครั้งมโหฬาร ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จึงต้องการให้ดำเนินการจนถึงที่สุด แล้วสั่งริบเงินจำนวนดังกล่าวเข้าแผ่นดิน

               แน่นอนเวลานี้ ศาลก็รับพิจารณาเป็นคดีดำและนัดฟังคำสั่งว่า จะรับคดีไว้เพื่อพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่ในวันที่ 25 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้

               ที่น่าตื่นเต้นคือ จำเลยทั้ง 18 ราย มีนิติบุคคลรวมอยู่คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด จำเลยที่ 15, บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำเลยที่ 16 และบริษัท คิง เพาเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำเลยที่ 17

               ถามว่า ชาญชัยคนนี้ มารับบทบาทอะไรในวันนี้ คำตอบคือ ปัจจุบันเขานั่ง “รองประธานคณะกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” (สปท.) เรียกว่ารับบทบาทมาปราบโกงให้สมกับคอนเซปต์รัฐบาลตู่ไล่เช็คบิลนักการเมืองขี้ฉ้อ!!

               แต่ถ้าดูประวัติที่ผ่านมา เขาคืออดีต ส.ส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2496 เป็นคนจังหวัดนครนายก และยังเป็นอดีต ส.ส.นครนายก ครองเก้าอี้หลายสมัย สำเร็จการศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง

               ก่อนจะมาทำการเมือง เขาเคยดำรงอาชีพเป็นนักธุรกิจ แล้วมาตัดสินใจลงเลือกตั้งครั้งแรกช่วงปี 2538 ซึ่งก็ได้รับเลือกเป็น ส.ส.นครนายก เรื่อยมาจนถึงปี 2550 รวม 4 สมัย คือในการเลือกตั้ง ปี 2538, 2539, 2548 (ระบบบัญชีรายชื่อ) และ 2550 ทั้งหมดนี้ รักเดียวใจเดียวที่ “พรรคประชาธิปัตย์” เท่านั้น

               อย่างไรก็ดี ระหว่างนั้น ก็มีเรื่องราวซึ่งดังมาก และยังคงทำให้หลายคนกังขาในตัว ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มาจนถึงวันนี้

               หากใครจำได้ช่วงปี 2539 หลังจากนั่ง ส.ส.ใหม่ๆ เขาถูกแจ้งจับในคดีปลอมแปลงวุฒิการศึกษา เพื่อนำมาใช้ลงเลือกตั้ง ส.ส. โดยศาลรัฐธรรมนูญพบหลักฐานจริงแค่ว่า ชาญชัยคนนี้ จบ ป.7

               ส่วนการศึกษาตั้งแต่ระดับ “มัธยมต้น” จนถึง “มัธยมปลาย” ไม่มีมาแสดง เขาจึงถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้สิ้นสุดสมาชิกภาพสภาผู้แทนราษฎร กรณี “ขาดคุณสมบัติ” ในเรื่องวุฒิการศึกษา ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2542

               ตอนนั้นแน่นอน สมาชิกภาพ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งในปี 2538 และ 2539 จึงไม่ถูกต้องสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้น เนื่องจากจบการศึกษาไม่ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ขณะที่มีบิดาเป็นคนต่างด้าวอีกด้วย

               เวลานั้นหลายคนฟันธงเลยว่า “อนาคตทางการเมือง” ของอดีต ส.ส.นครนายกคนนี้ถูกฝังกลบจบข่าวไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ก่อนหน้าการตัดสินเพียง 1 วัน ชาญชัยได้ชิงลาออกจากการเป็น ส.ส.ไปก่อน ในวันที่ 4 ตุลาคม 2542 ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยวันเดียว ทั้งหมดคือการพลิกกลับตัวอย่างฉิวเฉียดเพื่อให้รอดจากการถูกตัดสิทธิลงสมัคร ส.ส.ตลอดไป

               และก็เป็นเช่นนั้น เพราะต่อมา “ชาญชัย” กลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองได้อีกครั้ง หลังสำเร็จปริญญาตรี รัฐศาสตร์ภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

               จะว่าไป ก็น่าเห็นใจในมุมนี้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่า สนามนครนายก การแข่งขันดุเดือดขนาดไหน กว่าจะได้เก้าอี้ไม่ใช่ง่ายๆ แถมถ้าต้องมาเสียให้แก่ “คู่แข่ง” ที่ฟัดกันมายาวนาน คือ ฟากของตระกูลใหญ่ “กิตติธเนศวร” ก็คงเจ็บขั้วหัวใจไม่น้อย

               แต่ก็มีอยู่ช่วงที่พรรคไทยรักไทยฮอตมากๆ ชาญชัย ก็จำต้องหนีไปลงบัญชีรายชื่อแทน ปล่อยให้ “เสี่ยแหมะ" สิทธิชัย กิตติธเนศวร พรรคไทยรักไทยครองพื้นที่ไปก่อน แต่โชคร้ายสิทธิชัยเกิดไปติดบ้านเลขที่ 111 ชาญชัยเลยหวนกลับมาสู้ศึกปี 2550 ได้เก้าอี้ ส.ส.นครนายก มาครองอีกครั้ง

               ผ่านมาไม่นาน ปรากฏว่าฝุ่นวิกฤติการเมืองฟุ้งอีกรอบ และมาสงบในปี 2554 มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ฝั่งพรรคเดิมในชื่อใหม่ว่า “เพื่อไทย” ก็จัดไม้เด็ดเป็น “น้องสาวคนเล็กของทักษิณ” งานนั้น ชาญชัยไปพ่ายแพ้ให้แก่คนตระกูลเดิม คือ “เสี่ยอ๋า" วุฒิชัย กิตติธเนศวร เพียงแต่รายนั้นเขาย้ายไปอยู่ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทยแล้ว

               อย่างไรก็ดี น่าสนใจว่า ไปๆ มาๆ บทบาทของชาญชัยกลับกลายมาเป็นผู้ตรวจสอบทุจริตเสียเอง แม้ว่าจะโดนค่อนขอด ขุดคุ้ย กับปมอดีตเรื่องวุฒิการศึกษาอยู่เรื่อยๆ จากฝ่ายตรงข้าม แต่เขาก็ไม่สะเทือน

               อย่างสมัยเป็น ส.ส.ช่วง อภิสิทธิ์ นั่งนายกรัฐมนตรี เขาเคยเป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ออกมาประกาศยืนหยัดในการหยุดยั้งโครงการดังกล่าว เพราะมองว่ามีความไม่ชอบมาพากล

               ตอนนั้นมาดของชาญชัยดูจริงจัง เอาแน่! เพราะได้ยื่นเรื่องให้แก่รัฐบาลอภิสิทธิ์ตรวจสอบ พูดง่ายๆ ว่าถึงจะเป็นคนฝั่งเดียวกัน ถ้าพบสิ่งผิดปกติ ก็ต้องขอให้แตะเบรก

               สุดท้ายโครงการดังกล่าวเดินหน้าต่อ ประหนึ่งว่าไม่มีใครฟังเสียงของเขา

               จนเมื่อมีเหตุให้หัวโขน ส.ส.ของพรรคการเมืองต้องถูกถอดออกไป ชาญชัยคนนี้ ได้โอกาสมานั่งในคณะกรรมาธิการของ “สปท.” มีหน้าที่ด้านการตรวจสอบโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับรัฐโดยตรง

               เขาเลยหันมาเล่นเรื่องอันเป็นประโยชน์ต่อ “สาธารณะ” อย่างเต็มภาคภูมิ เช่น การคิดค่าบริการเกินจริงของค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ความไม่ชอบมาพากลการเช่าสัญญาณจากภาครัฐกับเอกชน, ความไม่ชอบมาพากลในเรื่องดิวตี้ฟรีในบริษัทชื่อดัง

               จะว่าไปแล้ว งานปะฉะดะดิวตี้ฟรีนั้น ถือได้ว่า “ชาญชัย” เดินหน้าชน “ของแข็ง” โดยแท้ แต่ก็ไม่ได้สู้เพียงลำพัง หากแต่มีสมาชิก สปท.ระดับบิ๊กเนม เป็นกองหนุน !!

               ศึกครั้งนี้ มีเดิมพันสูง ไม่เกี่ยวกับ ปชป. หากแต่เป็นเรื่อง “คอนเนกชั่น” ส่วนตัวล้วนๆ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ