Lifestyle

สายล่อฟ้า!"รังสิมันต์ โรม"ผู้ท้าทาย คสช.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สายล่อฟ้า!"รังสิมันต์ โรม"ผู้ท้าทาย คสช.

 

          เป็นข่าวไม่ทิ้งระยะเหมือนกัน สำหรับความเคลื่อนไหวของบรรดานักศึกษาเลือดแรง ผู้ท้าทาย คสช.!

          คราวนี้เป็นเรื่องของ รังสิมันต์ โรม หนึ่งในแกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่ล่าสุด ไปโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ควบคุมตัวได้ที่บริเวณแยกคอกวัว ขณะที่เขาและผองเพื่อน กำลังจัดกิจกรรม Start up people start up talk ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน

          ถามว่า รังสิมันต์ โรม โดนจับทำไม ง่ายๆ เลย เพราะเขานั้น เดิมทีก็มีหมายจับขัดคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 อยู่แล้ว มาหนนี้ เมื่อยังคงท้าทายอำนาจรัฐ ที่สุดเลยต้องถูกดำเนินคดีต่อที่ สภ.บางเสาธง พื้นที่ต้นคดีของปีก่อนนั่นเอง

          ถึงตรงนี้ จะอ่านแล้วผ่านเลย โดยไม่ทำความรู้จักหนุ่มหน้าลูกครึ่งคนนี้อีกครั้งก็ใช่ที่

          รังสิมันต์ โรม เกิดวันที่ 31 พฤษภาคม 2535 เป็นชาวภูเก็ต ศึกษาชั้นมัธยมต้น โรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ตำบล รัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ตบ้านเกิด

          ต่อมามาจบมัธยมศึกษาที่โรงเรียนทวีธาภิเศก กรุงเทพ และจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโทที่คณะเดียวกันนี้

          โรมมีใบหน้าละม้ายลูกครึ่ง หากแต่ไม่มีข้อมูลปรากฏว่าเขาเป็นบุตรของใคร ทั้งนี้เมื่อเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับ รังสิมันต์ โรม นอกจากข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว ยังมีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งในสื่อผู้จัดการช่วงปี 2550 พบชื่อของเขา ปรากฏในการเข้าค่ายการประดิษฐ์กล้องดูดาว

          มาวันนี้ ด.ช.รังสิมันต์ไม่ต้องการดูดาวอีกแล้ว แต่จะกำลังคว้าดาวดวงหนึ่งด้วยมือของตัวเอง

          เขาเคยเล่าถึงตัวเองช่วงก้าวผ่านความเป็นเด็กน้อยว่า เดิมทีไม่สนใจการเมือง แต่เห็นว่าชาวภูเก็ต ชอบดูรายการของค่ายพระอาทิตย์ทุกวัน จนกระทั่งมีรัฐประหารปี 2549 ก็รู้สึกประหลาดใจ และวันนึงก็เกิดฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา

          แน่นอน เมื่อคนเราเกิดคำถาม นั่นคือความเปลี่ยนแปลง รังสิมันต์ โรม นำพาตนเองมาสู่รั้วเหลืองแดง ในคณะที่มีสีประจำเป็นสีขาว สัญลักษณ์ถึงความสะอาดบริสุทธิ์และอวมลทิน “นิติศาสตร์”

          เจ้าตัวบอกว่า การเข้าธรรมศาสตร์มันทำให้เปลี่ยนชีวิตตนเองไปตลอดกาล โดยเริ่มเคลื่อนไหว กับกลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย มีกิจกรรมในการกินแซนวิช เมื่อ 22 มิถุนายน 2557 หลังครบรอบรัฐประหารได้ 1 เดือน

          นอกจากนี้ยังเป็นนักเคลื่อนไหวในกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีประชาธิปไตย พร้อมเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง จนภายหลัง แตกออกมาเป็นกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) มีสมาชิก 14 คน

          มุมความเป็น “รังสิมนต์ โรม” หากว่ากันเป็นข้อๆ โดยประมวลจากที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ของเขา โพสต์เขียนไว้ในเฟซบุ๊ก เมื่อ 26 มิถุนายน 2558 ตอนที่โรม รังสิมันต์ถูกจับ มีดังนี้

          1. เพื่อนๆ รู้กันดีว่า รังสิมันต์ เป็นคนสุภาพเรียบร้อย พูดจามีระเบียบวิธีและนุ่มนวล แต่ “อ่อนนอก แข็งใน” หากอะไรที่ไม่ถูกต้องตามหลักการ เขาพร้อมที่จะยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง

          2. รังสิมันต์ โรม อยากศึกษากฎหมายมหาชนที่ฝรั่งเศส แต่ไม่มีเงินมากพอ จึงทำได้แค่เรียนภาษาฝรั่งเศสที่คณะจัดให้ ระหว่างรอหาทุนไปเรียนต่อที่แดนน้ำหอม ก็เรียนปริญญาโท สาขากฎหมายมหาชน ไปก่อน

          3. รังสิมันต์ และเพื่อนๆ มักแวะมาดื่ม กิน สนทนา กับบรรดาอาจารย์นิติราษฎร์

          4. เขามีความสามารถทาง วิชากฎหมายมหาชนที่สุด นอกเหนือจาก กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง นิติปรัชญา ฯลฯ

         

          5. แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ช่วงปี 2558 ก็มีข่าวว่า สภาทนายความก็ไม่ให้ รังสิมันต์ โรม ขณะอยู่ปี 4 สอบใบอนุญาตเป็นทนาย เป็นกรณีพิเศษ

          6. แน่นอนหนุ่มนี้มีแนวความคิดทางการเมืองสวนทางกับครอบครัว เขาเคยกล่าวในคลิป ของเฟซบุ๊ก ‘ขบวนการประชาธิปไตยใหม่"ว่า คนในครอบครัวเป็นคนเปลี่ยนตน เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างสุดโต่งไปกับม็อบพันธมิตรฯ ขณะนั้น ทำให้เป็นการผลักให้ตนที่พยายามถามอย่างมีเหตุผล แต่คำตอบที่ตนได้รับกลายเป็นการตั้งแง่กับตน"

          7. นอกจากเรียก “โรม” แล้ว เพื่อนสนิทยังเรียกเขาว่า “ใบพลู” หรือ “พลู” หรือ “ใบ” ด้วย (จากคำเรียกของเพื่อนๆ ที่เข้ามาคอมเม้นท์ในเฟซบุ๊กของเขา)

          8. โรม ไม่ชอบนอนคุก แต่ถ้าจะติด มักเป็นเดือนมิถุนายนเสมอ ครั้งแรก “ติดคุกร่วม” กับ “ไผ่ ดาวดิน” แห่งกลุ่มดาวดิน ช่วง 27 มิถุนายน-7 กรกฎาคม2558 เพราะไปแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช. ในวาระครบขวบปีรัฐประหาร บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

          ครั้งที่ 2 ถูกจับเมื่อ 23 มิถุนายน 2559 จากการไปยืนแจกเอกสารรณรงค์ Vote NO ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ตลาดเคหะบางพลี จ.สมุทรปราการ

          ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา รังสิมันต์ไม่เคยมีพฤติการณ์ จะหลบหนีหรือไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐานอะไรของคดีนั้นเลย จนกระทั่ง รังสิมันต์ประกาศจะไปยื่นขอให้เปิดเผยข้อมูลโครงการรถไฟไทย-จีน ในวันที่ 26 มิ.ย. เขาจึงถูกจับอีกครั้ง

          เขาเคยเล่าประสบการณ์ผ่านคุก หลังจากมีโอกาสได้พูดคุยกับนักโทษด้วยกันก็พบว่า “คนเรามักเอาความดีในแบบที่กระเป๋าเรามีตังค์ในทุกเดือน ไปตัดสินคนอื่นว่าเลว โดยไม่พิจารณาว่าแค่มีข้าวกินสามมื้อแม่งโคตรลำบากแค่ไหน”

          มาหนล่านี้ ก็เดือนมิถุนายนเหมือนกันนะใบพลู!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ