Lifestyle

คนนี้ใช่เลย “เทพไท เสนพงศ์” พี่มาร์ค..ขาดไม่ได้?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คึก!! “เทพไท เสนพงศ์” องครักษ์ พิทักษ์ "มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของแท้ !!??

 

               เราจะไม่พูดเรื่องกรณี “ไลน์หลุด” ของคนดังแห่งช่องฟ้าวันใหม่ ว่า งานนี้มีเสียงวิจารณ์มากมาย ทำกันเอง จนเชื่อกันเอง หรืออะไรก็ช่าง เพราะยังไง ปชป.ก็ไม่มีแตก!!

               แต่เราจะโฟกัสไปที่บุคคลในไลน์ ซีกนักการเมือง อย่าง “เทพไท เสนพงศ์” ว่า จริงๆ แล้วเขาคือใคร แม้ว่าคนไทยจะรู้จักเขามานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ชินสักที

               เทพไท เสนพงศ์ เกิดเมื่อ 12 มีนาคม 2504 มีชื่อเล่นว่า “คึก” เป็นคน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้อง 8 คน ของ “สงบ” และ “เอื้อน” เสนพงศ์ ซึ่งมีเชื้อสายจีนไหหลำ และมีเชื้อสายตูนิเซียจากผู้เป็นตา แต่เดิมทีครอบครัวทำนา ฐานะยากจน

               “บ่าวคึก” มีคู่สมรสชื่องามนามเพราะ (ละม้ายนามของ “พิมพ์เพ็ญ ภริยาอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ว่า “พอเพ็ญ” โดยเธอมีนามสกุลเดิมว่า “เริงประเสริฐวิทย์” เพราะเป็นบุตรสาวของคนใหญ่อย่าง “พ.อ. (พิเศษ) พล เริงประเสริฐวิทย์” อดีตคนสนิท พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา 

               ประเด็นพ่อตานี่แหละ ที่เคยเป็นเรื่องเป็นข่าวใหญ่โตมาแล้ว เนื่องจาก “เสธ.พล” รวยจริงรวยจัง จนนักการเมืองรุ่นเดียวกันอิจฉา 

               เทพไทจบมัธยมจากโรงเรียนปากพนัง นครฯ และมาจบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทจากคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

               ข้อมูลจากนิตยสารไฮคลาส ฉบับที่ 218 เดือนสิงหาคม 2545 เล่าว่า ความยากจนที่บ่าวคึกเจอมาในวัยเด็ก ถึงขั้นที่ว่า ไปโรงเรียนได้เงินเดือนละ 250 บาท จึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านพักครูของอาจารย์ใหญ่ที่เสียชีวิต

               นอกนั้นก็หาเงินเสริมด้วยการถีบสามล้อบ้าง เป็นคนงานตอกเสาเข็มบ้าง แต่ก็ยังทำกิจกรรมโรงเรียนไม่ขาด จนได้รับเลือกเป็นประธานชมรมและประธานนักเรียน

               และยังเป็นคนสนใจการเมืองตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดอายุแค่ 8 ขวบ ก็สามารถท่องรายชื่อผู้สมัครใน จ.นครศรีฯ ได้หมดว่าใครเบอร์ไหน พรรคอะไร จนปัจจุบันก็ยังท่องได้อยู่

               แถมตอนเรียนรามฯ ก็ยังทำกิจกรรมไม่ขาด เป็นตัวแทนนักศึกษาลงสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ทั้งที่อยู่ชั้นปีที่ 1 ส่วนปี 2 ขึ้นปี 3 (พ.ศ. 2525-2526) ได้รับเลือกให้เป็นนายกองค์การนักศึกษารามคำแหง ทั้งยังเป็นตัวแทนนักศึกษา 20 สถาบัน ไปร่วมกิจกรรมกับนักศึกษาอาเซียน ที่ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

               บ่มเพาะความรู้ถึง 8 ปีเต็ม กว่าจะได้ใบปริญญามากอด แต่จังหวะดีได้เป็นผู้ช่วย ส.ส.ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ตั้งแต่ปี 2531 เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน ทั้งยังเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบัน

               กระทั่งชำนิได้เก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท.4) ช่วงปี 2537 เทพไทก็ได้เป็นเลขานุการ รมช.มหาดไทย ขณะที่ชำนิยังอยู่ “พรรคพลังธรรม”

               จนชำนิย้ายมาอยู่ “พรรคประชาธิปัตย์” ได้เป็น รมช.มหาดไทย (มท.2) อีกครั้ง ช่วงปี 2540-2543 ซึ่งตรงกับสมัยรัฐบาลชวน 2 บ่าวคึกก็ตามมาด้วยในตำแหน่งเดิม

               ผ่านมาจนปี 2548 ถึงคราว “บ่าวคึก” ลงศึกบ้าง ปรากฏว่าลงปุ๊บก็ชนะเลย ได้เก้าอี้ ส.ส.นครศรีธรรมราช แถมต่อมายังมีบทบาทเป็นโฆษกของพรรค และโฆษกส่วนตัวของหัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย

               ฟ้าบันดาล มาร์คได้นั่งนายกฯ คึกเลยได้เป็นโฆษกนายกรัฐมนตรี โดยหน้าที่โฆษก แน่นอนว่าจะคอยตอบโต้กับฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้าม

               แต่ของคึกเรียกว่า มีวาทะที่คนใต้เรียกว่า “หรอยอย่างแรง” แถมได้ภาพลักษณ์ของความเป็นองครักษ์พิทักษ์ “มาร์ค” มาครอง

คนนี้ใช่เลย “เทพไท เสนพงศ์” พี่มาร์ค..ขาดไม่ได้?

               ชีวิตด้านหนึ่งเรารู้กันดีว่า เขายังเป็นพิธีกรรายการสายล่อฟ้า ทางช่องบลูสกายแชนแนล โดยจัดร่วมกับ ศิริโชค โสภา และชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เป็นสามเกลอที่คนไทยเรียกขาน

               จนต่อมาเมื่อรายการสายล่อฟ้าได้ยุติการออกอากาศลงช่วงรัฐประหารโดย คสช. แต่ก็กลับมาออกอากาศอีกครั้งเมื่อ 27 สิงหาคม 2557 ในชื่อสถานีใหม่ว่า “ฟ้าวันใหม่”

               ไม่เพียง “คึก” เทพไท ที่ได้ดิบได้ดีมีราคาในสนามใหญ่ แต่ยังส่งต่อไปยังรุ่นพี่น้องของเขาเอง จนได้ชื่อว่าครองบัลลังก์ท้องถิ่นขนาดใหญ่เมืองคอนมานาน

               โดยในส่วนของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ก็ได้พี่ชาย คือ ผศ.เชาวน์วัศ เสนพงศ์ นั่งเป็นนายกเทศมนตรี มีน้องชาย พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นรองนายกเทศมนตรี

               ขณะที่ในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีฯ ยังมีน้องชายคือ มาโนช เสนพงศ์ นั่งเป็นนายก อบจ. ที่ได้เก้าอี้มาจากความเป็นคนรุ่นใหม่ จากกลุ่ม "ประชาธิปัตย์สร้างสรรค์” ทำคะแนนชนะเจ้าเก่าแบบสร้างประวัติศาสตร์

               ก่อนจะเสียหลัก ตอนปี 2558 ที่มาโนชต้องโดนใบแดง หลุดจากเก้าอี้ อบจ.นครศรีฯ พร้อมคณะ และถูกตัดสิทธิ์การเมือง 1 ปี เพราะโดนจับได้ว่าทุจริตเลือกตั้ง อบจ. โดยฝ่ายเทพไทยยังโดนด้วย ฐานจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจ

               แต่ว่ากันว่า ไม่ได้สั่นคลอนบารมีใน อบจ.ลงเท่าไหร่ เพราะบ้านนี้มีสแปร์เยอะ ประมาณว่า ใครขาด คนที่เหลือก็เป็นอะไหล่เสียบได้ทันที เรื่องนี้คนในพื้นที่รู้กันดี ต้องไปถามกันเอง

               มาวันนี้ บทบาทของเทพไทออกแนวๆ ด่าทหารมาสักพัก สอดประสานกับบทบาทของ วัชระ เพชรทอง คนพรรคเดียวกัน โดยไม่พักคิดไกล พอแววมาว่าชาวบ้านรู้สึกไง คนประชาธิปัตย์ก็ไปทางนั้น คะแนนรัฐบาลสีเขียวลงฮวบขนาดไหน ยอมรับความจริงกันเถิด

               ยิ่งพอ “ลูกเพ่มาร์ค” เอาสูทออกมาปัดฝุ่นเตรียมลงศึกเลือกตั้ง ที่มาแน่ (แต่เมื่อไหร่?) เสี่ยคึกยิ่งคึกคัก เม้าท์กันว่า ยังวาดฝันจะดันน้องชาย พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ มาเป็นอะไหล่การเมืองอีกคน

               ถามว่าเทพไทจะไปต่อยังไง ตอบเลยสบายมาก ตอนนี้งานใหญ่ คือ ลงพื้นที่ดูน้ำท่วมที่เมืองคอน ไปตามดูได้ในทวิตเตอร์ "กลุ่ม ปชป.สร้างสรรค์” ทำคะแนนอยู่เงียบๆ แต่ภาพเพียบนะจ๊ะ!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ