Lifestyle

ตกหลุมอากาศ“พาที” เจ็บหนักจะฝ่าพายุไหวมั้ย?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตกหลุมอากาศ“พาที” เจ็บหนักจะฝ่าพายุไหวมั้ย?

 

          จะต้องเปลี่ยนเป็น “แมวแอร์” 9 ชีวิตมั้ย ? ค่าที่ยังได้ไปต่อ เมื่อล่าสุด บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (NOK) เพิ่งประกาศว่า แม้การบินไทย หรือ THAI เมินสิทธิ์ที่จะเพิ่มทุน แต่ก็มีรายอื่น...แถมรับรองว่า 2 เดือนนี้ ระดมทุนสำเร็จแน่นอน เตรียมเปิดพันธมิตรกลุ่มใหม่อีก เชิดใส่บินไทยสวยๆ !

          แถมอินสตาแกรมของซีอีโอนกแอร์ พาที สารสิน ยังมีการขึ้นข้อความระบุเป็นนัยๆ ว่า “ขอแสดงความขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้การสนับสนุนอย่างมากมาย และพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ”

          แต่งานนี้หากถามฝ่ายตัวแม่บินไทย ก็คงยักไหล่แบะมือ แล้วไงใครแคร์ เพราะก็ตัวเบาขึ้น ถือหุ้นน้อยลง ไม่ต้องรับรู้เรื่องขาดทุนจนปวดหัว แถมยังหนุนราคาหุ้นวิ่งฉิวทั้งคู่ !!!

          ถ้าจะมีแต่ข่าวดีๆ ก็จบสิไม่ต้องเล่าต่อ ลองย้อนไปดูเรื่องราวที่ผ่านมา จะพบว่า ค่ายนกแอร์ก็เรียกได้ว่าบินมาแบบทุลักทุเล เจอพายุ หลุมอากาศมาแบบกระหน่ำซ้ำเติมจนเกือบสิ้นชื่อทั้งคนทั้งองค์กร

          แม้คนไทยรู้กันดีว่า สายบินนกแอร์ ก็คืออีกสายการบินที่ใครก็ซื้อตั๋วบินได้เหมือนกัน ! และมีซีอีโอมากความสามารถ แต่ภาพจำของคนไทยเกี่ยวกับนกแอร์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กลับไม่ใช่เรื่องดีเลย นั่นคือ ภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่องมาตลอด จนหลายคนใช้คำว่า “นกปีกหัก”

          นับตั้งแต่ปี 2557 นกแอร์ขาดทุน 471 ล้านบาท, ปี 2558 ขาดทุน 726 ล้านบาท, ปี 2559 ขาดทุน 2,080 ล้านบาท และปีนี้ เอาแค่ไตรมาสแรก ก็ขาดทุนถึง 295.57 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ถึงขนาดที่คาดการณ์กันว่าแม้วันนี้นกแอร์จะเพิ่มทุนในครั้งนี้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมหนี้ และต้องกู้เงินเพื่อทำธุรกิจต่อด้วย

          ถามว่าทำไมนกแอร์ถึงขาดทุนได้ขนาดนี้ แน่นอนหากดูจากมติของการบินไทยครั้งล่าสุดนี้ น่าจะชี้เป้าไปที่การบริหารของซีอีโอ

          เพราะการตัดสินใจชนิดกลับลำในโค้งสุดท้ายของการบินไทยในการประชุมบอร์ดนัดพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพียงวันเดียวก่อนหมดเวลาใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ซึ่งเม้าท์กันว่า ที่ประชุมบอร์ดเถียงกันน้ำลายแตกฟอง โดยมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้าน แต่ในที่สุดก็เห็นควรไม่ให้มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุน

          ทำเอาพาที ถึงกับถอนใจว่า ไม่ได้คุยกันไว้แบบนี้นี่นา !

          เมื่อมองถึงเหตุผล ก็น่าจะจริงตามข้างต้น นั่นเพราะการบินไทยมองว่า แผนการปฏิรูปและบริหารงานของนกแอร์ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการขาดทุนยังขาดความชัดเจน และไม่สามารถการันตีได้ว่า หากการบินไทยลงเงินไปแล้วจะได้ผลตอบแทนคืนกลับมาได้อย่างไร

          แถมด้วยเงื่อนไขว่า หากจะเอาตังค์เรา พาทีต้องไม่อยู่นะ ! และแน่นอนที่การบินไทยจะรู้จัก “ดุ๋ง พาที” เป็นอย่างดี ก็เป็นอันว่าเงินไม่ไปแล้วกัน

          นั่นเป็นมุมของบอร์ดบินไทยรวม ที่เล็งถึงผลกำไรและความไม่เชื่อมั่นในฝีมือของพาทีอีกแล้ว แต่พอหันไปมองมุมของฝ่ายสนับสนุนเพิ่มทุน ก็ใช่ว่าจะให้เครดิตพาทีสักเท่าไหร่

          เพราะเหตุผลคือ เกรงว่านกแอร์จะมีผู้ร่วมทุนใหม่จากสิงคโปร์เข้ามาเป็นคู่แข่ง และจะมามีอิทธิพลในกิจการการบินของไทย ที่สิงคโปร์จะได้เส้นทางการบินที่การบินไทยยกให้นกแอร์มาบินแทน และอาจจะทำให้นกแอร์และนกสกู๊ตย้ายฐานกลับไปที่สุวรรณภูมิ ซึ่งจะเข้ามาแข่งกับการบินไทยด้วย

          มีเรื่องเล่าหลังฉากการล้มกระดานไม่เพิ่มทุนในนกแอร์อีก คือในส่วนของการตัดสินใจรอบแรกที่ว่าจะเพิ่มทุนนั้น มีเสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย คือขณะที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า เพิ่มๆ ไป แล้วก็ให้คนเดิมนั่งต่อไป

          แต่มีอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ขอว่าจะต้องกำจัดจุดอ่อนออกไปด้วย แต่ไม่ใช่เคลียร์เก้าอี้ แล้วหาคนเก่งที่ไหนมาบริหาร แต่เป็นคนของตัวเองที่จะดันเข้ามาแทน !! งานนี้เม้าท์กันว่า มีการเตรียมซีอีโอใหม่ที่เป็นทายาทอย่าง “ณ” หรือ “จ”

          นี่จึงเป็นที่มาของการประชุมอีกครั้งแบบนอกรอบวันอาทิตย์ จนออกมาเป็นดีลล้มกระดานไม่เพิ่มทุน ไม่เพียงส่งผลให้นกแอร์ต้องบ่ายหน้าเร่ไปคุยกับรายอื่น

          ทั้งนี้ แหล่งข่าวการบินไทยระบุแก่สื่อว่า การที่บินไทยไม่เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทำให้กลุ่มจุฬางกูรขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 และจะมีอำนาจในการบริหารงานสายการบินนี้ด้วย เนื่องจาก ณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 12.08% ทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในสัดส่วน 10.21% เมื่อรวมทั้ง 2 คน จะทำให้กลุ่มจุฬางกูรมีหุ้นในสายการบินนกแอร์ 22.29%

          ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับชื่อย่อข้างต้นหรือไม่อย่างไร แต่ถึงตรงนี้ พาทียังอยู่นะ ! 

          ดังนั้น หลายคนจึงจับตามองความเคลื่อนไหวของพาทีหลังจากนี้ โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขขาดทุน ที่หลายคนชี้โป้งเลยว่าที่ผ่านมาผู้บริหาร “อ่อน” แต่ดูแล้ว ที่พาทีเจอมา ใครนั่งตรงนี้ก็รากเลือดหรือเปล่า ?

          มาถึงวันนี้ สภาพของนกแอร์ต้องบอกว่าเปียกและมอมแมมไปด้วยพายุฝน ถึงขั้นที่ว่าหากไม่เพิ่มทุนให้ทันภายในเดือนนี้ เนื่องจากมีผลขาดทุนต่อเนื่อง และกินสัดส่วนผู้ถือหุ้น ก็อาจต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการได้

          อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีว่า นกแอร์อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ร่วมทุนต่างชาติ 2 กลุ่ม ซึ่งข่าวระบุว่าเป็นจีนและสิงคโปร์ ซึ่งทางเจ้าตัวขอเวลาอีก 2 เดือนจะมีความชัดเจน แถมหลังข่าวนี้ออก ราคาหุ้นนกแอร์ปิดตลาดที่ราคา 4.78 บาท เพิ่มขึ้น 3.91% ขณะที่การบินไทยปิดตลาดที่ 19.10 บาท เพิ่มขึ้น 4.95%ก็น่าจะมีความหวังใช่หรือไม่

          ที่สำคัญ ต้องมาดูที่ “กึ๋น” ของซีอีโอหัวติสต์ต่อไป ว่าจะนำพานกแอร์บินไปถึงไหนในปลายทาง

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ