Lifestyle

“คุณหญิงหน่อย” เส้นทาง “สายวัด” ทางลัดสู่ "อำนาจใหม่"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กลายเป็นนักการเมืองขวัญใจ “สายวัด” ไปโดยปริยาย ยิ่งกลิ่นเลือกตั้งโชยมา ยิ่งจะได้เห็นภาพนักการเมืองหญิง ผู้มากประสบการณ์ปรากฏตัวในวัดวาอารามมากขึ้น

          เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์"ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรถวายความรู้แก่ “นวก.ภิกษุ” รุ่นที่ 9 ในโครงการบรรพชาอุปสมบทน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดพระราม 9 โดยหัวข้อของการบรรยายคือ “นักการเมืองกับความรับผิดชอบต่อพระพุทธศาสนา” มีพระภิกษุและสามเณรที่เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ได้เข้าร่วมฟังการบรรยาย

         เหตุที่ "คุณหญิงสุดารัตน์" มีโอกาสเดินสายบรรยายวิชาการเมืองกับธรรมะ เพราะคุณหญิงกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาพระพุทธศาสนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และกำลังทำดุษฎีนิพนธ์ ในหัวข้อ “พุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน”  

         ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2535 “คุณหญิงหน่อย” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2535 ด้วยวัยเพียง 31 ปี แต่เธอเลือกสวมเสื้อ “พรรคพลังธรรม” ลงสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ

       “คุณหญิงหน่อย” เป็นดาวเด่นของพรรค ได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวสันติอโศกเต็มที่ 

        หลังพฤษภาคม 2535 มีนักการเมืองแห่เข้าพรรคพลังธรรมมากมาย และกลายเป็นความขัดแย้ง ระหว่าง “สายวัด” กับ “สายบ้าน” ซึ่งคุณหญิงหน่อย เป็นหัวหอกสายวัด สู้กับกลุ่ม น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ จนฝ่ายสายบ้านต้องล่าถอยออกจากพรรคพลังธรรม ไปหนุน ดร.อำนวย วีรวรรณ ตั้งพรรคนำไทย

         เมื่อสายบ้านหายไป พรรคพลังธรรม ก็ได้ “สายจันทร์ส่องหล้า” เข้ามา คุณหญิงหน่อยจับมือกับ “ทักษิณ ชินวัตร” สู้กับสายวัด(สายดั้งเดิม) อันส่งผลให้ภายในพรรคเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก

         การเลือกตั้งปี 2539 พรรคพลังธรรม มี ส.ส. เหลือเพียงคนเดียวคือคุณหญิงสุดารัตน์ และท้ายที่สุด พรรคพลังธรรมก็กลับไปอยู่ในอ้อมอกสายวัด(ดั้งเดิม)อีกหน

         ปี 2541 ทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นหนึ่งใน 23 บุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรคด้วย และได้ร่วมงานกับทางพรรคของทักษิณมาจนถึงวันนี้

          สมัยไทยรักไทยเฟื่องฟู บารมีทางการเมืองของคุณหญิงก็รุ่งเรืองเฟื่องฟู เคยคุมกระทรวงสำคัญสมัยรัฐบาลทักษิณ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

         ตรงกันข้าม บทบาทของคุณหญิงสุดารัตน์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่โดดเด่น ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า มีความขัดแย้งกับ “เจ๊แดง” ผู้มากบารมีนอกพรรคหมายเลข 2

          หลังรัฐประหาร 2557 คุณหญิงหน่อย นุ่งขาวห่มขาวมุ่งเดินสายธรรม และทำโครงการบูรณะลุมพินีสถาน สถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า

        เนื่องจาก "คุณหญิงสุดารัตน์" เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม จึงรู้จักกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากหน้าหลายตา รวมถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ่ที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก สมัยรัฐบาลทักษิณ

         จึงมีข่าวลือว่า คุณหญิงหน่อยแตะมือ “บิ๊ก คสช.” เตรียมตั้งพรรคการเมือง แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง

         ปัจจุบัน คุณหญิงสุดารัตน์ ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคม ในฐานะประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย และศึกษา ระดับปริญญาเอก สาขาวิชาพระพุทธศาสนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)

          เวลานี้ คุณหญิงหน่อย เลือกทำงานวิจัยเรื่องคุณธรรม 4 ประการ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการแก้ปัญหาสังคมไทย

         ดังนั้น ยามที่สื่อสัมภาษณ์ "คุณหญิงหน่อย" เกี่ยวกับแนวทางปรองดอง ก็จะได้ยินคำอธิบายเรื่องการแก้ไขความขัดแย้ง ด้วยคุณธรรม 4 ประการของพระองค์ท่าน

          โดยเริ่มจากการ “คิดดี” มี “เมตตา”ต่อกัน เพื่อเป็นการเปิดประตูหัวใจ เริ่มรับฟังปัญหา และมุมมองของคนที่คิดต่าง จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันว่าแต่ละฝ่าย มีเหตุมีผลอย่างไรแล้วก็นำข้อเสนอ แต่ละฝ่ายมาปรึกษาหารือกัน ผ่านขบวนการกล่อมเกลาเพื่อให้กำหนดเป้าหมายร่วม หรือเป้าหมายใหญ่ คือผลประโยชน์ส่วนรวมให้ได้

         นัยว่า เมื่อวันที่พรรคเพื่อไทยเข้านำเสนอแนวทางปรองดองแก่คณะนายทหาร ที่กระทรวงกลาโหม "คุณหญิงหน่อย"ก็ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย

          นอกจากการเรียนปริญญาเอก "คุณหญิงหน่อย" ก็เดินสายเป็นวิทยากรให้กับคณะพุทธศาสตร์ มจร. พร้อมกับน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการทำโครงการข้าวสานธรรม ชักชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ โดยทุกคนต้องตั้งใจรักษาศีล 5 ด้วยการ “ลด ละ เลิก อบายมุข” และ “ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี”

           ระยะหลัง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วังน้อย กลายเป็น “บ้านพักใจ” ของนักการเมือง(ตกงานชั่วคราว) มีนักการเมืองมาเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก หลายสิบคน

          บางคนอาจตั้งคำถามว่า เรียนใน มจร. เหมือนเรียนใน วปอ. หรือ วตท.มั้ย คือเรียนเพื่อสร้างคอนเนกชั่น คำตอบเรื่องนี้ คงรู้อยู่แก่ใจของนักการเมืองแต่ละคนที่เข้าเรียนสายพุทธ

         ถ้าถามเรื่อง “คอนเนกชั่นดงขมิ้น” คุณหญิงหน่อยก็เป็นศิษย์ของ “ท่านเจ้าคุณ” หลายรูป โดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในมหาเถรสมาคม

         การเมืองไทยมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนเพื่อนบ้าน แม้พระภิกษุจะถูกห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ผู้มีอำนาจ และผู้หวังในอำนาจก็เข้าพึ่งบุญบารมีพระชั้นผู้ใหญ่มาแล้วทั้งนั้น

          จึงไม่น่าแปลกใจที่ “คุณหญิงหน่อย” จะกลับมาสังกัด “สายวัด” อีกครั้ง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ