Lifestyle

“หมอจุ๊ก” จุกนะเนี่ย! ฟ้าผ่ากลางใจคน “จะนะ”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

     ดอกไม้ให้กำลังใจ “หมอจุ๊ก” ผอ.โรงพยาบาลจะนะขวัญใจของชาวบ้านกับข่าวโดนทหารสั่งย้ายเป็นประเด็นที่คนให้ความสนใจ!! ที่นี่มีคำตอบ

     ดอกไม้ให้กำลังใจ “หมอจุ๊ก” ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ของชาวบ้าน หลังทราบข่าวโดนทหารสั่งย้าย ดูจะเป็นสัญลักษณ์อย่างดีว่า เขาคือคนอันเป็นที่รัก เพราะดอกไม้ไม่ได้มาพร้อมกระถาง แต่ไปๆ มาๆ คนออกใบสั่งครั้งนี้ อาจโดนกระถางแทนดอกไม้

    ข่าว “หมอจุ๊ก” นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ถูก พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ลงนามในคำสั่งถึงกระทรวงสาธารณสุข ย้ายออกนอกพื้นที่ เกิดขึ้นเพียงไม่นาน

    ช่วงวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ที่หน้าโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ชาวบ้านในพื้นที่ และกลุ่มแพทย์ พยาบาล และคนอื่นๆ หลายสิบ ร่วมกันมอบดอกไม้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจกันล้นหลาม

   คนที่ติดตามงานของหมอคนนี้ หรือคนในแวดวงเอ็นจีโอ จะรู้จักเขาดีว่า หมอจุ๊กนั้น ไม่ใช่หมอสวมเสื้อกาวน์เดินตรวจไข้รายวัน

   แต่เขายังทำงานเพื่อมวลชนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ และเรื่องราวของเขานั้น ถูกสื่อนำมาบอกเล่าบอกต่อไม่รู้กี่ครั้งกี่หน รวมทั้งหนนี้

   หมอจุ๊ก หรือ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ปัจจุบันอายุ 47 ปี เป็นคนหาดใหญ่ จ.สงขลา มีภรรยาคือ ภญ.อุบลรัตน์ ฮาสุวรรณกิจ มีบุตร 2 คน ชายหญิง คือ ชนน และ ณิชา ฮาสุวรรณกิจ

    เขาเคยเล่ากับประชาชาติธุรกิจ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ค่าที่เพิ่งได้เป็นบุคคลของมูลนิธิโกมลคีมทองในปี 2552 ว่า เป็นลูกพ่อค้าขายรองเท้าธรรมดา แต่โชคดีที่มีครอบครัวที่อบอุ่น จึงเป็นเด็กดีของพ่อแม่

    และที่เด็ดคือ หมอจุ๊กเรียนเก่งมาก เพราะพอเรียนจบ ม.ปลาย จากหาดใหญ่วิทยาลัย ก็เอนทรานซ์ติดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2531

   ชีวิต 6 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย หมอจุ๊กยังทำกิจกรรมมากมาย โดยเข้าชมรมค่ายอาสาสมัครมีโอกาสไปออกค่าย ไปพบชีวิตชนบท

    เคยเล่าในนิตยสาร WAY ว่า ด้วยความที่ทำกิจกรรมมาก สุดท้ายก็เข้าสู่งานการเมืองในมหาวิทยาลัย โดยรวมตัวกับเพื่อนต่างคณะ ตั้งพรรค “จุฬาฟ้าใหม่” ช่วงเป็นนิสิตปี 3 กำลังขึ้นปี 4 เป็นนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) รุ่นปี 2534

   ประเดิมงานแรกทันที เมื่อคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดย พล.อ.สุจินดา คราประยูร เข้ายึดอำนาจการปกครอง หมอจุ๊กก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกร้องให้ รสช.ปล่อยตัวเพื่อนนักศึกษา ม.รามคำแหง 15 คน ที่ถูกจับกุม เพราะต่อต้านรัฐประหาร

    จากนั้นก็ทำกิจกรรมนอกรั้วแบบจัดเต็มทำค่ายอาสาขนาดใหญ่อยู่พักหนึ่ง ค่ายล่ม โดยหมอจุ๊กบอกว่า เพราะเด็กเบื่อ ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะสังคมนักศึกษายุคนั้น หันหลังให้สภาพบ้านเมืองไปแล้ว

   แต่กลุ่มหมอจุ๊กที่เหลือ ยังไม่ล้มเลิก ยังคงเดินหน้าขับไล่รัฐบาลทหาร ร่วมกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ในยุค “พฤษภาทมิฬ” จนได้ขึ้นเป็นเลขาฯ สนนท.

    สุดท้ายก็กลับไปตั้งใจเรียนปีสุดท้ายอย่างเต็มที่ จนจบแพทย์ อนุมัติบัตรเวชศาสตร์ครอบครัวจากแพทยสภา ทำงานใช้ทุนตอนอายุ 24 ปี โดยไปเป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา พ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    อยู่ที่นั่นประมาณ 2 ปี เส้นทางของการทำงานมวลชนก็หนีไม่พ้น เพราะมีรุ่นพี่เอ็นจีโอมาชวนให้ช่วยชาวบ้านปกป้องผืนป่า จากการที่ทางการจะตัดถนนผ่านป่า ซึ่งเป็นต้นน้ำเทพา เพื่อจะเชื่อมถนนกับประเทศมาเลเซีย ตามโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ไทย-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย

   หมอจุ๊กเล่าว่า ตอนนั้นใช้จุดแข็งของตัวเองค้นหาข้อมูล เขียนบทความ และขึ้นเวทีให้ความรู้แก่ชาวบ้านประท้วงปกป้องพื้นที่ของตนเอง จนสำเร็จโครงการตัดถนนพับไป

   ผ่านไป 4 ปี ขณะที่คนสะบ้าย้อยและคนในพื้นที่ภาคใต้ได้รู้จักเขาในมุมของนักทำงานเคลื่อนไหวเพื่อมวลชน เขาได้ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ

   แต่ยังไม่ทิ้งลาย เพราะยังเข้าต่อต้านโครงการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย โดยทำงานถนัดเช่นเคย ที่สุดงานนี้ หมอจุ๊กโดนเรียกตัวไปชี้แจงที่กระทรวงสาธารณสุข ถูกรองปลัดกระทรวงสาธารณุสขขณะนั้น เอ่ยปากถามเลยว่า “จะเป็นหมอหรือเอ็นจีโอ เลือกเอา!”

    เวลาผ่านไป ถัดจากโครงการท่อก๊าซ มาสู่โรงไฟฟ้าที่จะนะ ก็ยังคงทำงานวิชาการเช่นเดิม ส่วนที่โด่งดัง จนถูกทหารเชิญไปคุย คือ ตอนเป็น 1 ใน 11 แกนนำกลุ่ม “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ที่เดินเท้า 1,400 กิโลเมตร จากหาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯ ช่วงปี 2557 ช่วงที่ คสช.มาแล้ว เรียกร้องให้หยุดสัมปทานปิโตรเลียมและโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้

   ที่จริงการทำงานมวลชนของหมอตัวเล็ก สูงเพียง 160 ซม. คนนี้มีมาก เกินจะเล่าหมด แต่เขาบอกเสมอว่า ความสุขของเขายังอยู่ที่การตรวจและรักษาคนไข้ โดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องร่วมบ้านเกิดถิ่นปักษ์ใต้

    อย่างไรก็ดี ช่วงปี 2559 ขณะที่แพทย์ชนบทคนนี้ ยังคงทำหน้าที่แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา-ปะนาเระ อย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง ชื่อของหมอจุ๊กยังโผล่มาในมุมใหม่ๆ

   คือการออกมาวิจารณ์การที่ทหารสั่งปลดบอร์ดผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. 7 ราย ระบุว่า ทหารอยากเข้าควบคุมทั้งบอร์ดและผู้จัดการ สสส. แต่เขาก็โดนคอมเมนท์กลับมาว่า อ้าว..หมอก็เป็นคนเป่านกหวีดเรียกทหารมาหรือไม่

   วันนี้หมอจุ๊กไม่รู้ว่าจุกมากน้อยขนาดไหนกับข่าวการโดนสั่งย้ายที่กำลังเกิดขึ้น แต่กำลังใจจากคนที่รักและยอมรับในคุณงามความดีของเขาก็อาจทำให้เขาจุก เพราะตื้นตันใจมากกว่า

   ซึ่งพอส่องเฟซบุ๊กหมอจุ๊กดูก็พบว่ามีคนมาให้กำลังใจล้นหลาม ออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งย้ายดังกล่าวกันเพียบ

   แต่เจ้าของเพจกลับเงียบไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่เจ้าตัวกำลังลาพักร้อนเดินทางท่องเที่ยว โดยช่วง 29 มีนาคม เขาอยู่ที่ ฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ที่มีของดีอย่าง อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน จุดชมวิวจางเจียเจี้ย

  จากที่ก่อนนั้น 2 วัน เขาก็เพิ่งร่วมเวทีบรรยายความรู้พลังงานกับ คสช. อยู่เลย โดยบ่นในเฟซบุ๊กว่า “เวทีนี้ก็แค่พิธีกรรมที่ไม่น่าจะได้อะไร”

   จากนั้น ช่วงวันที่ 5 เมษายน ข่าวไทยพีบีเอสก็รายงานว่า เจ้าตัวยังปฏิเสธว่าไม่ได้ข่าวคำสั่งย้ายใดๆ ทั้งสิ้น

   จนกระทั่งล่าสุดนี้ ที่เห็นชัดเจนเลย คือ ความรักของมวลชนคนพื้นที่เบ่งบานเต็มโรงพยาบาลจะนะ จนนพ.สุภัทรต้องออกมากล่าวขอบคุณทุกคน

   “ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ ทั้งในบทบาทวิชาชีพที่ต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด และในฐานะพลเมืองเจ้าของแผ่นดินบ้านเกิดด้วย ขอบคุณมากๆ ครับ ตีมอกาเซะครับ"

   แถมยังเบ่งบานไปยังผู้คนในมุมต่างๆ ทั่วประเทศ ชี้ว่าพลังมวลชนหนนี้ก็ไม่ธรรมดา อาจถึงขั้น “ย้ายหนึ่ง ยืนหยัด อีกเป็นแสน”

   จนอดติดตามอย่างเกาะติดไม่ได้ว่า คำสั่งนี้จะถูกพับไปหรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ