รู้จักคนสำคัญผู้สร้างแรงใจไฟฝันให้กับ ชัยภูมิ ป่าแส ก้าวไปบนเส้นทางสายนักกิจกรรมเพื่อสังคม
จากการวิสามัญฆาตกรรมของทหารทำให้จะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาติพันธุ์ลาหู่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หลายฝ่ายเรียกร้องให้ความเป็นธรรมได้บังเกิดขึ้น
หนึ่งเสียงในนั้นคือ ไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ จ.เชียงใหม่ ที่ดูแลทุกข์สุขของ จะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส ตั้งแต่สมัยที่มีชีวิต จนถึงวันที่ตายจาก เสมือนคนในครอบครัวจนยอมรับนับถือกันเป็น “พี่ชายบุญธรรม” ที่เป็นแรงใจบันดาลใจให้ ชัยภูมิ ป่าแส ก้าวไปบนเส้นทางนักกิจกรรมเพื่อสังคม
แต่วันนี้ ภายหลังการตายของจะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส ที่ทางทหารอ้างเหตุจากยาเสพติดนั้น ทาง ไมตรี กลับถูกทางการเพ่งเล็งว่าอาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนรู้เห็นด้วย
แต่ “พี่ไมตรี” ของจะอุ๊ และน้องๆ กลุ่มรักษ์ลาหู่ทั้งหลาย ดูเหมือนไม่หวั่น เพราะหนักกว่านี้ ถึงขั้นโรงขึ้นศาลก็เคยมาแล้ว และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตกเป็นข่าว
ไมตรี จำเริญสุขสกุล หรือ “พี่ไมตรีของน้องๆ” วัย 33 ปี เป็นนักกิจกรรมชาวลาหู่ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรักษ์ลาหู่ อยู่หมู่บ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มาตั้งแต่เกิด ด้วยภูมิประเทศติดแนวชายแดนทำให้หมู่บ้านของเขาเสี่ยงต่อยาเสพติดมาตลอดเวลา คนหนุ่มสาวมากมายที่เสียผู้เสียคนไปกับมหันตภัยร้าย เพราะถึงไม่ก้าวไปหา ยาเสพติดเหล่านั้นก็พร้อมจะคืบคลานเข้าหาอยู่แล้ว หากไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดี
ครั้งหนึ่ง ไมตรี ก็ตกอยู่ในภาพเช่นนั้น แต่เขาไม่ยอมไหลไปกับกระแสน้ำ เพื่อนหลายคนของเขาติดยา ดมกาวจนออกจากโรงเรียน เขาเองก็เกือบไปเหมือนกันเพราะเกเรมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนประจำ แต่ด้วยความรักในดนตรี จึงให้ดนตรีนำทางชีวิต ก่อนตั้งกลุ่ม “รักษ์ลาหู่” เพื่อรวมกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้านมาทำกิจกรรมร่วมกัน เริ่มต้นเป็นแนว “ดนตรีบำบัดยาเสพติด” ทั้งเล่นดนตรีและส่งเด็กประกวดร้องเพลงต่างๆ ดึงความสนใจของเยาวชนให้ออกห่างจากยาเสพติด โดยเฉพาะตัวเขาเองก็มีวงดนตรีชนเผ่าบรรเพลงในงานชาติพันธุ์ด้วยบทเพลงภาษาลาหู่หลายครั้ง อย่างโครงการ “การสอนแต่งเพลงให้กับเด็กๆ ลาหู่ดำ ลาหู่แดง” เป็นหนึ่งโครงการในความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาความสามารถของน้องๆ ในกลุ่มด้วย
ภายหลังเมื่อตระหนักว่าการจะก้าวไปสู่สิ่งใดแล้วต้องเริ่มต้นจาก “วัฒนธรรม” ซึ่งเป็นรากเหง้าของตัวเองก่อน จึงกลับมาเน้นเรื่อวัฒนธรรมลาหู่ แล้วใช้ การเต้นแจ่โก่, การใช้ภาษาลาหู่ และการสวมเสื้อผ้าของเผ่า ทำให้ระยะหลังการขับเคลื่อนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประเด็นวัฒนธรรมเข้มขึ้น
ไมตรียังเก่งทางด้านไอทีและคอมพิวเตอร์ เขาเคยรับเหมาติดตั้งอินเตอร์เน็ตในหมู่บ้านปายสองแง่ให้กับผู้ใหญ่บ้านและทหารที่ชายแดนได้ใช้งานอีกด้วย จากความสามารถนี้เองจึงต่อยอดไปทำหนังสั้นด้วย
ยิ่งได้เป็นสมาชิกคนหนึ่งของโครงการ “เกี่ยวก้อย” โครงการผลิตสื่อเพื่อรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนคนชายขอบ ของ “มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน” ด้วยแล้ว จึงได้อบรมแล้วผลิตหนังสั้นให้คนนอกพื้นที่ได้รับชมมาแล้วหลายเรื่อง เช่น “ลาหู่ บ้านฉัน” เป็นต้น พร้อมกับถ่ายทอดเทคนิคการผลิตสื่อเหล่านั้นให้กับน้องๆ ในกลุ่มรักษ์ลาหู่รุ่นหลังได้สร้างสรรค์หนังสือออกมาด้วย เพื่อบอกเล่าความเป็นลาหู่ของคนบ้านกองผักปิ้งที่เริ่มสูญหายไปตามเวลานั้น ได้ผลตอบรับในวงกว้าง อาทิเช่น “ทางเลือกของจะดอ”, “จะโบแปลว่าผู้มีวาสนา”, เข็มขัดและหวี ฯลฯ
นอกจากนี้ ไมตรี ยังมีบทบาทในการเป็นผู้สื่อข่าวพลเมืองให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อสื่อสารเรื่องราวและวิถีชีวิตของชาวลาหู่ให้กับสังคมได้รับรู้อีกทางหนึ่ง อย่างรายการสารคดีชีวิต “เด็กมีเรื่อง” เกี่ยวกับ “ลาหู่” ถึง 4 ตอน ทางไมตรีและน้องๆ ในกลุ่มก็ประสานงานทุกขั้นตอน
ไมตรีจึงเป็นที่รู้จักของคนทำงานพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อเด็ก เพื่อชุมชนเสมอมา ในฐานะผู้บอกเล่าเรื่องราวและปกป้องชุมชนผ่านสื่อเล็กๆ
“ไมตรีเป็นคนสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนลาหู่ ปลุกฟื้นศิลปะและดนตรีของชนเผ่า สร้างพื้นที่ในการแสดงออกของเด็กๆลาหู่ และสร้างเยาวชนให้เป็นแกนนำที่สามารถเป็นต้นแบบให้กับน้องๆในชุมชนตัวเองได้” กัลยาณมิตรรายหนึ่งกล่าวถึงไมตรีไว้เช่นนั้น
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ จะอุ๊-ชัยภูมิ ป่าแส นั่นเอง จากเด็กน้อยผู้ยากไร้และเกิดมาท่ามกลางความไม่พร้อมทั้งหลาย แต่วันหนึ่งก็เดินตามเสียงเพลงมาที่บ้านรักษ์ลาหู่ ที่เขาเปิดรับทุกชีวิตด้วยไมตรี อาหาร ที่พัก และเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆทั้งในและนอกพื้นที่ กระทั่งทำให้ชีวิตเด็กชายเปลี่ยนไป มีความสามารถหลายด้าน ถือเป็นน้องชายในกลุ่มรักษ์ลาหู่ที่เขาเองภูมิใจและมีอนาคตไกลคนหนึ่ง พร้อมขับเคลื่อนงานศิลปวัฒนธรรม-กิจกรรมเพื่อสังคมต่อไปได้สบายๆ
ขณะที่ทำกิจกรรมกับน้องๆ ไมตรีก็ยังคงทำหน้าที่ “ผู้สื่อข่าวพลเมือง” เพื่อส่งข่าวสารจากแดนไกลผ่านออนไลน์มายังโลกภายนอกต่อเนื่อง
ต้นปี 2558 ไมตรีตกเป็นข่าวใหญ่ ถูกเจ้าหน้าที่ “ทหาร” ฟ้องฐานในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 จากการโพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวกรณีเจ้าหน้าที่ทหารได้ตบหน้าชาวบ้านที่บ้านกองผักปิ้ง เมื่อส่งท้ายปีเก่า 2557
กระทั่งเกิดกระแสให้กำลังใจ #เรามีไมตรี เพื่อให้กำลังใจไมตรีจากเพื่อนสู่เพื่อน ท่วมท้นล้นโชเชียลกันระยะหนึ่ง
แต่แล้วในที่สุด ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดี ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการเผยแพร่เรื่องดังกล่าวว่า “เป็นความจริง” ไม่ถือเป็นความผิด จึงพิพากษายกฟ้องจำเลย หลังสืบคดีพยานโจทก์ รวม 10 ปาก พยานจำเลยอีก 8 ปาก รวม 18 ปาก ต่อสู้คดีนานกว่า 1 ปี
จากกรณีที่ถูกฟ้องร้อง ไมตรีถือเป็นเรื่องบานปลายอย่างมาก จากที่ตั้งใจเพียงทำหน้าเป็นสื่อกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน เรียกร้องให้คนที่ทำผิดมารับผิดชอบด้วยการขอโทษกับผู้ใหญ่ของหมู่บ้านเท่านั้น แต่กลับถูกฟ้องร้องในที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เสียกำลังใจในการทำหน้าที่ “กระบอกเสียง”ให้กับชาวบ้านเพื่อสื่อสารเรื่องราวต่อสังคมต่อไป และไม่เฉพาะชุมชนกองผักปิ้งบ้านเขาเท่านั้น แต่ทุกพื้นที่ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนของตนเอง
กรณี “ชัยภูมิ ป่าแส” น้องชายบุญธรรมของเขา น่าจะเป็นอีกประเด็นที่เขาเกาะติดและให้ความกระจ่างได้มากที่สุดนับจากนี้ต่อไป
***ขอบคุณภาพจาก Facebook : Maitree Savelahu
ข่าวที่เกี่ยวข้อง