Lifestyle

“ยู่ยี่”ชีวิตที่ยังไม่เรียบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คำตัดสินคดี "ยู่ยี่" ที่เหมือนจะจบ แต่สำหรับครอบครัว เกวสต้า รามอส ยังไม่จบ!

 

 

          คำตัดสินในดคีของ “ยู่ยี่ อลิสา” อดีตนางแบบสาวคนดัง ที่ศาลพิพากษา จำคุก15 ปี คดีนำเข้าและครอบครองโคเคน บวกโทษคดีเก่าลักลอบมีสัตว์ป่า อีก 3 เดือน พร้อมปรับ 1 ล้าน 5 แสนบาท ที่เหมือนจะจบ แต่สำหรับครอบครัว เกวสต้า รามอส ยังไม่จบ!

          เพราะล่าสุด กระแส ติดแฮชแทก #freeyuyee บนหน้าทวิตเตอร์ ที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง ทั้งดารา เซเลบ คนดัง จำนวนมาก อาทิ ชากิร่า นักร้องหญิงชื่อดังราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชั้นนำของโลก

          จากการสร้างกระแสของ ผู้เป็นสามีของอดีตนางแบบคนนี้ ฟรานซิสโก เกวสต้า รามอส ที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ภรรยา เพื่อให้ศาลนำคดีมารื้อพิจารณาใหม่

          แม้ว่าหลายคนจะรู้จัก ยู่ยี่ ชัชชญา เกวสต้า ในมุมของความเป็นดารานางแบบ ที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อว่า “อลิสา อินทุสมิต” ขณะที่มีชื่อตามใบเกิดว่า “อลิสา ศรีประยูร” เกิดเมื่อ 10 สิงหาคม 2516 ปัจจุบันอายุ 44 ปี

          แต่ยังมีเรื่องราวอื่นๆ ของเธอที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหลังแต่งงาน กับ แฟรงก์ เกวสต้า หนุ่มชาวสเปนคนนี้ ที่คนไทยรู้จักว่าเป็นครูสอนเทนนิสเด็ก

          โดยก่อนหน้ามาปักชีวิตที่ไทยกับยู่ยี่ เขาเคยสอนที่แห่งสถาบันชื่อดัง “นิค บอลเล็ตเทียรี่ เทนนิส อคาเดมี่” ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา สถาบันที่ผลิตนักหวดระดับโลกมาแล้วหลายคน เช่น อังเดร อากัสซี่, โมนิก้า เซเลส และ มาเรีย ชาราโพว่า

          แต่เขายังมีฉายา ‘แฟร้งค์แห่งป่า’ หรือ Junkle Frank เพราะอีกตัวตนหนึ่งเขาเป็น “สัตวแพทย์หนุ่ม” ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ของช่อง ดิสคัพเวอรี่ชื่อ ‘Wild Frank’ ซึ่งเผยแพร่ไป 24 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทย

          จากนั้นข่าวคราวของยู่ยี่ในกระแสสังคม โดยเฉพาะหน้าบันเทิง ก็จับตาเธอแค่ว่า “ผอมลง โรคอดอาหาร และติดยา” ยิ่งมีข่าวเตียงหัก ภาพลักษณ์ของยู่ยี่ก็คือคนที่มีแต่ปัญหา

          แต่แล้วทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกัน โดยระหว่างรักๆ เลิกๆ ทั้งคู่มีพยานรัก คือ “ซาเป้” สาฤทธิ์ เกิดเมื่อปี 2548 และ “เซโร่” สหฤทธิ์ เกิดเมื่อปี 2550 และลูกสาวสุดท้อง คือ “เซ็น” สราญตา เกิดเมื่อปี 2552 หลังพ่อแม่กลับมาคืนดีกันแล้ว

          แต่ข่าวต่างประเทศบางแหล่งระบุว่า ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันอีกคนก่อนหน้านี้  คือ “ซิปี้” ลูกคนโตที่เกิดพร้อมกับ “ซาเป้” เมื่อปี 2548 แต่เสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน จากนั้นพวกเขาจึงรับ “เป๊ปซี่” มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อปี 2556

          อย่างไรก็ดี ชีวิตที่เหมือนจะดีและราบเรียบของยู่ยี่ ก็พลิกกลับ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2555 เธอถูกจับกุมที่สนามบินดอนเมือง ขณะพกพาโคเคนเข้าประเทศ ถูกแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และให้การรับสารภาพต่อมาในวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ถูกศาลตัดสินให้จำคุก 15 ปี 3 เดือน โดยถูกนำตัวส่งเข้าเรือนจำทันที

          ตั้งแต่นั้น พ่อลูกของครอบครัวนี้ก็มีชีวิตที่ต้องเดินเข้าเรือนจำทุกวัน เพื่อเยี่ยมผู้หญิงที่พวกเขารัก

          จนถึงวันนี้ ที่ศาลมีคำตัดสินสุดท้าย ว่ายู่ยี่ต้องอยู่คุกยาวอีก 15 ปี 3 เดือน 

          แม้จะเคารพในคำตัดสินของศาล แต่สามีของเธอ ยังอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้ง (หลังจากที่เคยทำมาแล้วช่วงปี 2557)

          ทั้งการรณรงค์ ติดแฮชแทก #freeyuyee บนหน้าทวิตเตอร์ ทั้งล่ารายชื่อผ่านเว็บ Change.org ร้องเรียนให้ทางการรัฐบาลไทยนำคดีของยู่ยี่กลับมาพิจารณาใหม่

          และการพยายามหาพื้นที่ทางสื่อมวลชน เพื่อจะเล่าเรื่องราวหลายอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคดียาเสพติด และคดีลักลอบมีสัตว์ป่าไว้ครอบครอง

          โดยคดีหลังทั้งสองเคยพยายามอธิบายว่า สัตว์ราว 50 ตัวเหล่านั้น ช่วยชีวิตมาจากการบาดเจ็บและอยู่ในระหว่างพักรักษาก่อนปล่อยกลับเข้าป่าอีกครั้ง เนื่องจากเป็นอาสาสมัครของสมาคมพิทักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย เคยช่วยชีวิตและปลดปล่อยสัตว์ป่ามาแล้วกว่าพันตัว

          ยู่ยี่เคยให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2547 พร้อมยืนยันได้ว่าทำงานด้านสัตว์จริงๆ ไม่ได้มั่ว

          ช่วงปี 2555 ทั้งคู่เพิ่งช่วยลูกเสือดาวตัวหนึ่ง จนสามารถนำมันส่งให้กับสวนสัตว์ดุสิต โดยว่ากันว่าราคาลูกเสือดาวพันธุ์อินโดจีนที่ยู่ยี่กับแฟร้งค์ช่วยออกมาได้นั้นอยู่ที่ครึ่งล้านบาท

          ถึงตรงนี้ ที่แฟร้งค์ก็กำลังเคลื่อนไหวเพื่อช่วยภรรยาอย่างเต็มที่ โดยจะบอกสังคมว่า คดีสองคดีนี้มีความเกี่ยวพันกันอย่างมีนัยสำคัญ

          เพราะการที่เขายอมรับว่าภรรยาติดยาจริง แต่เลิกเสพติดมาเป็นนานเป็นสิบกว่าปีแล้ว โดยได้เข้ารับการรักษาในรีแฮบฯ เข้าร่วมโครงการเอเอ (คนติดเหล้านิรนาม) และโครงการยาเสพติดนิรนาม (Narcotics Anonymous)

          ก็เพื่อบอกว่า แม้เธอจะไม่ใช่คนขาวสะอาดมากนักแต่โทษขนาดนี้มันมากไปไหม?

          อย่างไรก็ดี ซึ่งก็มีข่าวดีส่วนหนึ่งที่ว่า เวลานี้ “ป๋าต๊อบ ปฏิญญา” ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทของยู่ยี่ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแลเด็กๆ ทั้ง 3 คน ซึ่งน่าจะหมายถึง ซาเป้ โซโร่ และเซ็น แล้ว ระหว่างที่พ่อยังคงวุ่นอยู่กับคดีความของแม่ แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียน รวมถึงค่าเลี้ยงดูนั้น พ่อของเด็กเป็นคนดูแลทั้งหมด

          เรื่องนี้ คนไทยคงต้องติดตามกันดูต่อไป ว่าแฟร้งค์ และ #freeyuyee จะมีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ