การทำงานของเจ้ากระทรวงตราชั่งคนนี้ กว่าจะตัดสินใจในแต่ละเรื่องแต่ละประเด็น ต้องผ่านการกรองหยาบ กรองละเอียด หลายขั้นตอน คงซึมซับจากการเป็น'คนข่าวกรอง'
‘สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ’ หรือฉายา “ลุงโก้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกส่งมาสานต่องานจาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรียุติธรรมคนก่อน หลังจาก ‘สุวพันธุ์’ทำงานมาเกือบ 3 เดือนพูดได้เลยว่า สไตล์การทำงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
‘สุวพันธุ์’ ซึ่งอดีตเป็นข้าราชการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จึงย่อมต้องซึมซับธรรมชาติของข้าราชการประจำและคนข่าวกรองมาโดยปริยาย
การทำงานของเจ้ากระทรวงตราชั่งคนนี้ จึงไปในทางสุขุม นุ่มนวล กระเดียดไปในทางคิดเยอะ กว่าจะตัดสินใจในแต่ละเรื่องแต่ละประเด็นต้องผ่านการกรองหยาบ กรองละเอียด หลายขั้นตอน.เรียกว่าแต่ละเรื่องที่เสนอขึ้นไปกว่าจะผ่านลงมา...ใช้เวลานานมาก แม้จะเป็นเรื่องที่มีข้อมูลในมือครบแทบจะรอบด้านแล้ว “ลุงโก้” ยังอดไม่ได้ที่จะถามความเห็นจากหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด. ให้ได้รู้ว่าเห็นตรงกันหรือไม่
การทำงานของข้าราชการกระทรวงยุติธรรมปลายยุค คสช. จึงไม่กดดันมากนัก ไม่ต้องตื่นตี 4 มาเตรียมตัวอ่านข่าว อ่านไลน์กลุ่มผู้บริหารตอนตี 5 เพื่อรับข้อสั่งการ. เพราะรัฐมนตรีคนปัจจุบันเน้นงานในภาพรวม เช่น งานยุติธรรมชุมชน. เมื่อไม่มีวาระเร่งด่วน จึงไม่กำหนดไทม์ไลน์ และไม่มีทีมเสธ.ตามจิก หรือทวงถามความคืบหน้าของงานกันแบบถี่ยิบในสไตล์ดุดันเหมือนเมื่อก่อน
แต่ทว่า ในสไตล์ เย็นๆ เนิบๆ ของ “สุวพันธ์ุ” จึงประชุมกันด้วยประโยคบอกเล่าว่ากันไปตามประเด็น ไม่มีประโยคเป็นข้อสั่งการ 1-10 ชัดๆ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาฟังแล้วเผลอไม่ได้. ต้องคิดตามตลอดว่าจะเป็นข้อสั่งการหรือไม่ เพราะถ้าเกิดใช่ขึ้นมาเมื่อถูกทวงถาม ต้องมีคำตอบ ในมุมมองข้าราชการจึงตอบยากว่า ระหว่างสั่งแล้วตามจิกกับแบบให้คิดเอาเอง แบบไหนง่ายกว่า
ส่วนบทบาทในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพื่อทำความเข้าใจผ่านไปยังประชาชน‘ ลุงโก้’ เปิดกว้างให้ข้าราชการให้ข่าวกันได้ตามความรับผิดชอบของแต่ละหน่วย หรือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะรัฐมนตรีคนนี้ดูจะไม่ค่อยชอบให้สัมภาษณ์เท่าไรนัก.ดังนั้นอย่ามาดักรอเสียบไมค์เพราะไม่ชอบพูดในประเด็นที่ไม่ได้เตรียมตัว.ก่อนให้สัมภาษณ์จึงต้องส่งประเด็นผ่านประชาสัมพันธ์
สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม
แต่ที่ดูแล้วค่อนข้างแปลกกว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็คือการที่ ‘สุวพันธุ์’ มักเลือกขอส่งบทสัมภาษณ์เป็นเพรสข่าวเขียนด้วยตัวเองร่ายมายาวเป็นหน้ากระดาษ แทนที่จะให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวด้วยตัวเอง
เมื่อสอบถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกใช้วิธีนี้ไปทางทีมงานรัฐมนตรี สุดท้ายก็ได้คำตอบจาก รัฐมนตรี ‘สุวพันธุ์’ ที่ ‘เขียนชี้แจงมา'(ฮา) ว่า การสร้างการรับรู้ด้วยวิธีทำเหมือนเป็นเอกสารข่าวส่งให้สื่อมวลชนใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แล้วไม่ใช่เพิ่งนำมาใช้
เหตุผล คือ 1. ไม่อาจให้สัมภาษณ์ได้ทุกครั้งที่มีการติดต่อมา อาจมีเวลาว่างไม่ตรงกันบ้าง หรือข้อมูลยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่รับทราบกัน หรือบางเรื่องเป็นประเด็นที่สังคมควรรับรู้ แต่เวลานั้นสังคมสนใจประเด็นอื่น สื่อให้ความสำคัญเรื่องอื่นมากกว่า ดังนั้น การใช้เอกสารข่าวจะช่วยสื่อสารประเด็นที่เราอยากบอกสังคมได้
2. บางครั้งมีประเด็นข่าวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานของเราเอง สื่อจะถามมาพร้อมๆกัน ขอให้โฟนอินบ้าง โทรมาสัมภาษณ์บ้าง ทำให้ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้อย่างทั่วถึง หรือต้องพูดซ้ำในเรื่องเดียวกัน
3. เรื่องราวบางเรื่องมีความสำคัญ ละเอียดอ่อนในการดำเนินการ การให้สัมภาษณ์บางครั้งไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายหรือมีคำถามแทรกจากสื่อในประเด็นอื่น ทำให้ไม่สามารถสร้างการรับรู้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น บางโอกาสการใช้เอกสารข่าวสร้างการรับรู้ได้ดีกว่า
4 .การให้สัมภาษณ์ด้วยตนเองก็ยังทำอยู่ ไม่ได้ปิดกั้นที่จะสื่อสารสองทาง สื่อสามารถสอบถามข้อสงสัยหรือให้ชี้แจงเพิ่มเติมได้
เห็นหรือยังว่า...'ท่าน รมต.สุวพันธุ์' เป็นคนรอบคอบ(ม๊ากๆ)แค่ไหน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง