พายุคาจิกิ ถล่มวิมานพญาแถน

          เมื่อวันที่ 4 กันยายน 62 จากอิทธิพลของพายุคาจิกิที่ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคอีสาน ผู้สื่อข่าวได้ไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดยโสธร แห่งแรกที่ วิมานพญาแถน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร ซึ่งประกอบด้วย อาคารพิพิธภัณฑ์พญานาค และอาคารพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก อยู่ติดลำน้ำทวน พบว่า มีปริมาณน้ำ เอ่อล้นท่วมพื้นหน้าอาคารทั้ง 2 แห่ง และลานอเนกประสงค์หน้าอาคารบริการนักท่องเที่ยว โดยบางจุดมีน้ำสูงกว่า 60 เซนติเมตร รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านเข้ามาบริเวณนี้ได้

          สอบถาม นางนิตยา แก้วใสสนิท อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประจำศูนย์บริการนักท่องเที่ยววิมานพญาแถน จ.ยโสธร เล่าว่า ระดับน้ำได้เพิ่มปริมาณขึ้นจนเอ่อท่วมบริเวณนี้ตั้งแต่ประมาณช่วง 06.00 น. โดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดยโสธรได้ตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณวิมานพญาแถนทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย โดยอาคารพิพิธภัณฑ์พญานาคยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ส่วนอาคารพญาคันคาก ด้านบนของอาคารมีรอยรั่วทำให้มีน้ำซึมเข้าตัวอาคาร หลังจากนี้ไปจะได้เร่งทำการซ่อมแซมต่อไป

          ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ธาตุก่องข้าวน้อย ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของจังหวัดยโสธร พบว่า บริเวณด้านข้างองค์ธาตุมีน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ขณะที่บริเวณใกล้ๆ ฐานองค์ธาตุ บางจุดน้ำท่วมประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลตาดทองกำลังเร่งนำถุงทรายสร้างเป็นคันกั้นน้ำเพื่อไม่ให้น้ำทะลักไปใกล้ฐานองค์ธาตุ 

          นายพิบูลย์ ฝ่ายดี นายกเทศมนตรีตำบลตาดทอง เล่าว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ท่วมบริเวณโดยรอบธาตุก่องข้าวน้อยไม่มีท่าทีจะลดลง เนื่องจากฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำที่ไหลมาสมทบจากจุดอื่นไหลมารวมกันทำให้ปริมาณน้ำสะสมมากขึ้น ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยเช่นพระธาตุพนมเมื่อครั้งที่ล้มเนื่องจากน้ำท่วมทำให้ฐานทรุดตัวและพังลงมา จึงระดมกำลังช่วยกันเร่งวางถุงทราย เพื่อไม่ให้น้ำไหลไปใกล้ฐานขององค์ธาตุ และจะเร่งระบายน้ำที่ขังในจุดใกล้เคียง เพื่อรักษาธาตุก่องข้าวน้อยไว้ให้ลูกหลานได้มาดูมาศึกษา และยังถือเป็นจุดเช็คอินเก่าแก่ของจังหวัดยโสธรอีกด้วย.

                                                       
ภาพ/ข่าว  - สมัย  คำแก้ว ยโสธร