ประณามยับกักตุนถุงยังชีพช่วยพายุปาบึก

 

               จากกรณีที่ชาวบ้าน ต.แหลมตะลุมพุก และ ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือที่สำนักนายกรัฐนมตรียื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีประสบภัยพายุปาบึก เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือตามกรอบของราชการ โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในพื้นที่พิจารณาช่วยเหลือไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส พรรคพรรคแบ่งพวก ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและส่อทุจริตประพฤติมิชอบอีกด้วย จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอื่นๆ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

 

 

               30 ส.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางในสังกัดกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรฐมนตรี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 15 คน นำโดย นางเปรมปรีด์ ชตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วย นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี นางจุรีรตน์ เทพอาสน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสายนต์ เอี่ยมรอด ผู้ตรวจราชการกรมประมง นายรัฐพล นราดิศร ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชนสำนักนายกรัฐมนตรี นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้อำนวยการกองช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย นางชาลินี รุ่งเร ผู้เชี่ยวชาญกองช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย น.ส.กนนิดา ทรรศนียวนิช ผู้อำนวยการส่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยภูมิภาค กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย นายบุญส่ง ไชยมณี ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะอีกจำนวนหนึ่งมีกำหนดการลงตรวจสอบในพื้นที่ ต.แหมตะลุมพุก และ ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก ตามที่ได้รับการร้องเรียน

 

 

 

 

 

 

               โดยกำหนดการของคณะเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบในพื้นที่ระหว่างวันที่ 29 - 30 ส.ค. และได้นัด น.ส.ราตรี คงประพันธ์ (ชูแก้ว) เจ้าของร้านอาหารครัวชูแก้ว ชายหาดแหมตะลุมพุก พร้อมชาวบ้านกลุ่มที่ร้องเรียนกว่า 600 คน ที่ร้านอาหารครัวชูแก้ว แต่ก่อนจะเดินทางไปพบกลุ่ม น.ส.ราตรี และชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายกันเดินทางไปพบกำนัน ผู้ใหญ่บาน และชาวบ้านกลุ่มที่ไม่ได้ลงชื่อร้องเรียนเพื่อร้องการทราบว่าการร้องเรียนมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ พบว่าผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และชาวบ้านได้ให้ข้อมูลสอดคล้องกับกลุ่มชาวบ้านที่ลงชื่อร้องเรียนและยังได้ข้อมูลว่าทาง อบต.แหลมตะลุมพุก ได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง และถุงยังชีพที่หลายหน่วยงานนำมามอบให้เพื่อให้นำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยพายุปาบึก แต่แม้ระยะเวลาผ่านมากว่า 7 เดือนแล้ว ทาง อบต.แหลมตะลุมพุก ไม่ได้นำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยแต่กลับเก็บกักตุนไว้ที่ศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านโดยไม่ทราบเหตุผล จนเมื่อทราบแน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทยและสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ในระหว่างวันที่ 29 - 30 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่ อบต.แหลมตะลุมพุก ได้ให้เจ้าหน้าที่นำรถ อบต.มาบรรทุกข้าวสาร ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำดื่มจำนวนมากนำไปมอบให้กับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ หมู่ 1 ต.แหลมตะลุมพุก และโรงเรียนวัดบ้านแหลม หมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก เพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจพบความไม่ชอบมาพากลที่มีการเก็บกักตุนข้าวสาร อาหารแห้งไว้โดยไม่ยอมนำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนทั้งสองแห่งพบว่าที่โรงเรียนบ้านแหลมได้รับข้าวารจาก อบต.แหลมตะลุมพุก ประมาณ 20 ถุงๆ ละ 5 กก. ปลากระป๋อง 50 กระป๋อง น้ำปลา 20 ขวด น้ำดื่ม 20 โหล ส่วนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ได้รับข้าวสารกระสอบๆ ละ 50 กก. จำนวน 4 กระสอบ ข้าวสารถุงๆ ละ 1 กก. จำนวน 30 ถุง รวมข้าวสาร 230 กก. ปลากระป๋อง 50 กระป๋อง น้ำปลา 30 ขวด และน้ำดื่ม 20 โหล แต่จากการตรวจสอบพบว่าข้าวสารเกือบทั้งหมดเป็นข้าวสารเน่า มีสีแดง กลิ่นเหม็นสาบ และมีสิ่งปนเปื้อนรวมทั้งมอดเต็มไปหมด ส่วนปลากระป๋องบางส่วนหมดอายุ และกระป๋องบุบยู่ยี่
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               ทางคณะครูที่ได้รับมอบยืนยันว่าทางโรงเรียนไม่กล้านำข้าวสารที่ได้รับแจกมาหุงให้นักเรียนรับประทาน ส่วนปลากระป๋องก็ไม่กล้านำมาประกอบหรือปรุงเป็นอาหารให้นักเรียนรับประทานเกรงเด็กจะได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างข้าวสาร และปลากระป๋องบางส่วนไปเป็นหลักฐาน ในขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองของทั้ง 2 โรงเรียนทราบว่าข้าวสารและปลากระป๋องที่ทาง อบต.แหลมตะลุมพุก นำมามอบเป็นอาหารกลางวันนักเรียนล้วนเป็นข้าวสารและปลากระป๋องเน่า พากันวิพากษ์วิจารณ์และรุมสาปแช่งอย่างกว้างขวาง เพราะคิดไม่ถึงว่า อบต.แหลมตะลุมพุก จะกล้านำของเน่าเสียมามอบเป็นอาหารกลางวันให้กับโรงเรียน เพราะนักเรียนทั้งหมดล้วนเป็นลูกหลานชาวแหลมตะลุมพุกทั้งนั้น

               ต่อมาเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางทั้งหมดได้เดินทางไปพบกับกล่าวบ้านที่ร่วมลงชื่อร้องเรียนซึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ร้านครูแก้ว โดยมีนายสมพงษ์ มากมณี ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นางจีรภา รอดเพชร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายเกรงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอปากพนัง พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ. และเจ้าหน้าที่ประมงนครศรีธรรมราช นายประยุทธ์ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก ร่วมเดินทางไปสมทบและให้การต้อนรับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อบต.แหลมตะลุมพุก ไม่ได้เข้าร่วมในการตรวจสอบแต่อย่างใด ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

--------------------

ยุทธนะ เตมะศิริ /นครศรีธรรมราช