แม่หมาฟังธรรมะทุกวันต่อเนื่องหลายปี ยายจิตร แม่เฒ่านักปฏิบัติธรรมขั้นสูง ชี้ สัตว์เดรัจฉานก็หลุดพ้นได้เช่นกัน
(19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้คนที่เดินทางไปบ้านของ นางสมจิตร มีแต้ม หรือ ยายจิตร อายุ 85 ปี บ้านเลขที่ 80/12 หมู่บ้านธารริน หมู่ 8 ถนนเทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่างพากันแปลกใจที่เห็นคุณยายจิตรซึ่งเปิดเป็นร้านของชำเล็กๆ แต่จะปิดประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านตลอด และจะเปิดโทรทัศน์ช่องธรรมะ ซึ่งจะมีการเผยแพร่ธรรมะด้วยการเทศนาหรือบรรยายธรรมะของพระเถรานุเถระ รวมทั้งการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานต่อเนื่องตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
โดยคุณยายจิตรจะนั่งๆ นอนๆ อยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าโทรทัศน์ เพื่อฟังดูและฟังธรรมจากโทรทัศน์พร้อมมีสมุดและปากกาอย่างละ 1 เล่ม สำหรับจดบันทึกข้อความธรรมะสำคัญๆ ที่น่าสนใจอย่างตั้งอกตั้งใจ และยึดถือปฏิบัติเป็นกิจวัตรทุกวันต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี โดยนานๆ จึงจะมีเพื่อนบานมาซื้อของในร้านสักครั้ง เพราะมีของจำหน่ายเพียง 5 - 6 ชนิด เท่านั้น
“แต่ในช่วง 1 - 2 ปี ที่ผ่านมา นอกจากคุณยายจิตรแล้วจะมีสุนัขเพศเมียสีดำอายุประมาณ 10 ปี ซึ่งเป็นของเพื่อนบ้าน จะเดินมานอนหมอบอยู่หน้าโทรทัศน์และร่วมฟังการเทศนาหรือบรรยายธรรมทางโทรทัศน์อย่างสนใจเป็นพิเศษ จนทั้งน้องหมาและคุณยายจิตรกลายเป็นคู่หูฟังธรรมะตลอดทั้งวัน และนานๆ 2 - 3 ชั่วโมง น้องหมาตัวดังกล่าวจะลุกขึ้นเดินกลับไปบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร เพื่อดื่มน้ำหรือกินอาหาร จากนั้นก็จะเดินกลับมานอนฟังธรรมะต่อจนมืดค่ำและคุณยายจิตปิดโทรทัศน์และปิดประตูเข้านอน น้องหมายอดนักธรรมก็จะเดินกลับบ้าน ทำให้เพื่อนบ้านและผู้คนที่พบเห็นพฤติกรรมของคุณยายจิตรและน้องหมาต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์และสงสัยว่าน้องหมารับรู้และเข้าใจธรรมะที่ฟังจากโทรทัศน์บ้างหรือไม่”
คุณยายจิตร กล่าวว่า ตนเป็นนักปฏิบัติธรรมต่อเนื่องมานานเกือบ 20 ปีแล้ว โดยในช่วงวันอาทิตย์จะเดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติธรรมมูลนิธิจริยธรรมพร้อมมูล สาขานครศรีธรรมราช เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะเปิดโทรทัศน์รายการธรรมะตลอดเวลา จนได้รับประกาศนียบัตรผู้ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุด และในแต่ละปีจะได้รับเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรมครั้งใหญ่ในต่างอำเภอหรือต่างจังหวัดด้วย
สำหรับน้องหมาตัวดังกล่าวชื่อ “นางจิ๊กโก๋” เป็นแม่หมาอายุกว่า 10 ปี แล้วถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์นางจิ๊กโกน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน เดิมนางจิ๊กโก๋เป็นลูกหมาจรจัดในวัดโพธิ์เสด็จ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร และมีชายวิกลจริตอุ้มมาปล่อยริมคลองมะพร้าวหน้าบ้านก่อนที่ชายวิกลจริตจะลงไปอาบน้ำในคลอง ลูกหมาจิ๊กโกจึงวิ่งไปหา น.ส.นวรัตน์ อินทศิลา หรือ “น้องพลอย” ลูกสาวนายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช และน้องพลอยได้ให้อาหารลูกหมากิน เมื่อชายวิกลจริตอาบน้ำเสร็จขึ้นมาบนฝั่งไม่เห็นลูกหมาก็เดินจากไป น้องพลอยจึงจำใจเลี้ยงลูกหมาตัวดังกล่าวเป็นอย่างดีต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี แล้วและตั้งชื่อว่า “นางจิ๊กโก๋”
“เจ้าจิ๊กโก๋หรือนางจิ๊กโก๋ เป็นหมาแสนรู้ ไม่ดุร้าย เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนทั้งหมู่บ้าน โดยชาวบ้านมักจะซื้อและนำอาหารมาให้นางจิ๊กโกกินเป็นประจำ ในปัจจุบันนางจิ๊กโก๋เกิดลูกออกมา 1 ตัวชื่อ “ไอ้กระท่อม” อายุ 2 ปี เมื่อไอ้กระท่อมเติบใหญ่มีขนาดใหญ่กว่าแม่หลายเท่า ตัวอ้วนเหมือนหมูและมีนิสัยขี้เล่น ไร้สาระ และชอบเห่ากรรโชกข่มขู่แม่ จนนางจิ๊กโก๋จะรู้สึกรำคาญกับลูกของตัวเอง จึงมักจะเดินเลี่ยงมาที่บ้านอยู่ที่บ้านตน และเมื่อตนเปิดโทรทัศน์รายการธรรมะนางจิ๊กโก๋จะชอบมานอนหมอบฟังธรรมะอย่างตั้งใจหน้าโทรทัศน์ครั้งละ 2 - 3 ชม.วันละ 2 - 3 เที่ยว จนกลายเป็นเพื่อนคลายเหงาของตนไปโดยปริยาย โดยตนจะพูดกับนางจิ๊กโก๋เหมือนกับพูดกับคนทั่วๆ ไปและดูเหมือนมันจะแสนรู้ สามารถฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องทุกอย่าง สามารถทำตามที่ตนบอกตนสั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตนพิจารณาดูแล้วนางจิ๊กโก๋มีความรู้สึก นึกคิด และมีความเข้าใจอะไรทุกอย่างเหมือนมนุษย์ เพียงแต่มันพูดภาษามนุษย์ไม่ได้เท่านั้น”
“สำหรับการฟังธรรมะ ตนเชื่อว่าการฟังธรรมะอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นสัตว์เดรัจฉานมันก็น่าจะซึมซับเอาธรรมะไปได้บ้าง และมันอาจจะหลุดพ้นจากหลุดพ้นจากสังสารวัฏ หรือวัฏสงสาร ได้เช่นกัน ซึ่งในส่วนของมนุษย์แม้จะเป็นฆราวาสก็หลุดพ้นได้ด้วย 3 วิธี คือ การฟังธรรมะต่อเนื่อง การทำบุญตักบาตรต่อเนื่อง และสำเร็จหรือหลุดพ้นได้ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง นางจิ๊กโก๋มันได้ฟังธรรมะเป็นประจำต่อเนื่องมันน่าจะหลุดพ้นได้ในชาตินี้อย่างแน่นอน สำหรับตนที่ต้องใจทำบุญ ปฏิบัติธรรม ฟังธรรมะ ก็เชื่อว่าบุญกุศลที่ตนสั่งสมมานานจะทำให้ต้นหลุดพ้นจากสังสารวัฏ หรือวัฏสงสาร ได้อย่างแน่นอน”
คุณยายจิตร กล่าวว่า เมื่อ 2 ปี ก่อนตนมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และมีความรู้สึกกว่ากำลังจะสิ้นใจตาย แต่ยังมีความรู้สึก ยังมีสติ ได้ยินเสียงลูกสาวคนเล็กที่อาศัยอยู่ด้วยกันร้องบอกด้วยความตกใจว่า “แม่อย่าเพิ่งไป แม่อย่าไป” ซึ่งหมายถึงอย่าให้ตนตาย พูดพร้อมจับมือตนเขย่าแรงๆ ก่อนจะพาไปยัง รพ.นครคริสเตียน และติดต่อลูกชายอีก 2 คน คนโตอายุกว่า 60 ปี อีกคนอายุเกือบ 50 ปี มาที่ รพ. ซึ่งแพทย์รีบนำเข้าห้องฉุกเฉินและรีบให้ออกซิเจน โดยลูกชายลูกสาวตนนั่งห้อมล้อมรอบเตียงคนไข้ จนกระทั่งมีหลวงพ่อวัดโพธิ์เสด็จที่ตนทำบุญตักบาตรทุกวันทราบข่าวเดินทางไปเยี่ยมที่ รพ. ในขณะลูกชายและลูกสาวเข้ามากอดและเขย่าร่างตนให้รู้สึกตัวต่อเนื่อง โดยหูตนได้ยินหลวงพ่อสั่งห้ามลูกๆ ของตนว่า ในช่วงนี้อย่าเพิ่งไปถูกเนื้อต้องตัวยายจิตร
หลังจากนั้นตนเห็นว่ามีผู้ชายตัวดำ ร่างใหญ่ เครื่องแต่งกายประดับประดามีราคา และสวมมงกุฎที่ศีรษะ เข้ามายืนที่ข้างเตียงของตน ตนรู้ทันทีว่ายมบาลกำลังจะมารับวิญญาณของตนไปแน่นอน ซึ่งตนก็ทำใจได้ และพร้อมที่จะไปกับยมบาล แต่ก่อนที่ตนจะสิ้นลมหายใจยมบาลได้ตะคอกถามตนว่า นางสมจิตรที่กำลังจะสิ้นใจตายมีอะไรจะนำติดตัวไปด้วย หรือเรียนจบชั้นอะไรมาบ้างหรือไม่ ตนรีบตอบทันทีว่าเรียนจบนักปฏิบัติธรรมขั้นสูงของสำนักปฏิบัติธรรมมูลนิธิจริยธรรมพร้อมมูล เท่านั้นเองท่านยมบาลก็ตบที่เตียงของตนก่อนจะหายวับไปทันทีทันใด จากนั้นตนก็หายเป็นปกติทุกอย่าง ลืมตาขึ้นมาเห็นลูกชายลูกสาวและหลวงพ่อยืนอยู่รอบเตียงคนไข้ ก่อนที่แพทย์จะเข้ามาตรวจและอนุญาตให้ลูกๆ พากลับบ้านได้ในวันเดียวกัน ตนเชื่อว่าที่รอดตายมาได้เพราะผลบุญกุศลที่ตนสั่งสมมานานและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องนั้นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง