ตายห้ามเศร้า สั่งลูกผัวจัดแตรวงแห่ก่อนเผา

 

               ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดสามจุ่น ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี มีงานศพห้ามเศร้า ด้วยความสงสัยจึงไปตรวจสอบพบที่วัดกำลังพระสงฆ์กำลังประกอบพิธีเทศนาธรรมและพิธีสวดมาติกาศพ นางสาวชลอ ชุมวิเชียร อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี มีญาติมิตรมาร่วมพิธีและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายกันอย่างเนืองแน่น หลังจากพระสวดมาติกาและพิธีทอดผ้าบังสุกุลเสร็จได้เคลื่อนศพขึ้นสู่เมรุ คณะแตรวงที่เจ้าภาพได้ว่าจ้างไว้ได้บรรเลงเพลงมันๆแห่นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นสู่เมรุ ก่อนที่จะนำศพขึ้นบนเมรุ ได้วนศพรอบเมรุ โดยมีญาติมิตรเพื่อนฝูงที่มาร่วมไว้อาลัย แม้กระทั่งสัปเหร่อก็ร่วมเต้นกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งครบ 3 รอบจึงประกอบพิธีฌาปนกิจ

 

 

 

 

 

 

               จากการสอบถามนางสาวพัชรี โชคชัย อายุ 28 ปี ลูกสาวคนเล็ก เล่าว่า แม่ประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัยส่งขาย เป็นคนร่าเริง ไม่ชอบการเศร้าโศก ชอบสนุกสนาน ชอบรำหน้านาค ตั้งแต่จำความได้แม่เคยบอกเสมอว่าแม่ไม่ชอบความเศร้าโศก และยังสอนลูกๆให้เป็นคนร่าเริงแจ่มใส แม่บอกว่าถ้าแม่ตายห้ามร้องไห้ ห้ามเศร้า ห้ามใส่เสื้อสีดำ ให้ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส ถ้าทุกคนมางานศพแม่แล้วเศร้า แม่จะไปไหนไม่ได้ กระทั่งเช้ามืดวันที่ 15 ส.ค.ตรงกับวันสารทจีน ช่วงเช้ามืดที่บ้านจะทำพิธีไหว้เจ้าแต่แม่ไม่ตื่นจึงเข้าไปปลุกก็พบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว คุณหมอที่มาชันสูตรบอกว่าแม่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หลังจากที่แม่เสียชีวิต พ่อและลูกๆรวมทั้งญาติจึงพร้อมใจกันจัดงานศพตามที่แม่สั่งไว้ โดยจัดหาแตรวงมาแห่ร่างของแม่ก่อนที่จะนำขึ้นบนเมรุ ให้เล่นเพลงที่สนุกเหมือนกับที่แห่นาคเข้าโบสถ์ ให้ญาติมิตรทุกคนที่มาร่วมงานใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสได้สนุกสนานมีความสุข

 

 

 

 

               “นอกจากแม่จะชอบเสียงดนตรีเสียงเพลงแล้วแม่ยังชอบกีฬาฟุตบอล ดังนั้นพ่อและลูกๆจึงได้จัดให้มีการแข่งฟุตบอล 2 คู่ด้วยกัน เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แม่เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนที่แม่ชอบเต้นชอบรำหน้านาคนั้น แม่เชื่อว่าการที่ได้รำหน้านาคส่งนาคเข้าโบสถ์บวชเป็นพระนั้น ถ้าตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ ไปเป็นนางฟ้า ดังนั้นเพื่อความสุขตามความเชื่อของแม่จึงได้จัดตามคำขอและคำสั่งเสียของแม่ ให้ดวงวิญญาณของแม่ได้ขึ้นสวรรค์”