ปล่อยตัวต้องสงสัยยิงอดีต ส.ส.ปชป. พ้นมลทิน เตรียมกอบกู้ชื่อเสียงคืนจากสังคม
เมื่อเวลา 17.30 น. (15 ส.ค.) ที่ เรือนจำจังหวัดจันทบุรี มีการปล่อยตัว นายต่อม หรือ ต้อม แซ่อั๋ง อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 243/2557 ศาลจังหวัดจันทบุรี ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยลอบยิง นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต ส.ส. ปชป. จ.จันทบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2557 บริเวณร้านจำหน่ายปุ๋ยแยกกระทิง หมู่ที่ 5 ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นายยุคลได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกยิงเข้าที่โหนกแก้ม ทะลุโพรงจมูกและลำคอ ถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี จากการสืบสวนสอบสวนมีข้อมูลไปถึง สจ. ชื่อดัง และนายต่อม หรือ ต้อม แซ่อั๋ง โดยผู้ต้องหาได้ไห้การปฏิเสธ และต่อสู้คดีมานานเกือบ 5 ปี ตั้งแต่ศาลชั้นต้น มีทนายก๊อต นายพัฒนะ กมลธรรม ให้คำปรึกษาและช่วยว่าความให้
จนถึงวันที่ 15 ส.ค. 62 ศาลฎีกาได้พิจารณาว่า ไม่มีความผิด จึงสั่งปล่อยตัวนายต่อม หรือ ต้อม จำเลยที่ 1 ให้ได้รับอิสรภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 นายเผด็จ หรือ หมี ซ้อนสี อายุ 39 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการประกันตัวออกมาแล้วนั้น ก็พ้นมลทินจากคดีนี้ด้วยเช่นกัน
หลังถูกปล่อยตัวได้ นายมานะ ชนะสิทธิ์ หรือ สจ.หน่อย ผู้ที่เคยถูกกล่าวหา มารอรับและแสดงความยินดีกับนายต้อมและนายหมีด้วย
นายต่อม หรือ ต้อม กล่าวว่า ตนเองดีใจเป็นอย่างมาก ที่ศาลพิจารณาให้ความเป็นธรรม หลังตนเองถูกจำคุกในเรือนจำเกือบ 5 ปี ทำให้ต้องสูญเสียอิสรภาพมานาน หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ความชอบธรรมและกอบกู้เกียรติยศชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวกลับมา
"ผมก็ดีใจ คิดไว้เสมอว่ากระบวนการยุติธรรมคงให้โอกาสเรา ตลอดที่ผมอยู่ในเรือนจำ 4 ปี 11 เดือน 15 วัน จากนักโทษผมก็กลายไปสู่นักธรรม ผมไหว้พระทุกวัน วันละ 3 ครั้ง ตอนอยู่ข้างในก็สบายดี แต่คนสิ้นอิสรภาพก็ต้องมีบ้างนิดหน่อย จิตใจก็แย่หน่อย"
นายมานะ กล่าวว่า ตนเองตกเป็นจำเลยของสังคมที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้มานาน วันนี้ได้พิสูจน์ชัดเป็นที่สิ้นสุด หลังจาก 3 ศาล ความจริงได้ประจักษ์ อยากฝากนักการเมือง อย่าใช้ความรุนแรงและไม่ควรกล่าวโทษใครเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางการเมือง ขอให้มาช่วยสร้างสรรค์การเมืองที่ดี
นายพัฒนะ ทนายความ เปิดเผยว่า เรื่องสิทธิ์ที่สูญเสียไประหว่างถูกจำคุก เพราะกระบวนการของศาลยังไม่เสร็จสิ้น เราต้องยอมรับ แต่ท้ายสุดแล้ววันนี้เราคงต้องใช้สิทธิ์ในการเรียกร้องความเป็นธรรม ทั้งชื่อเสียงและโอกาสต่างๆ ส่วนผู้ที่ก่อให้เกิดเรื่องกำลังศึกษาข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง