โดย... สมชาย สามารถ
ประธานสภาเกษตรกรจ.สุราษฎร์ธานี เผยราคาผลปาล์มดิบขยับ 2.50 บาท/กก ฝากเกษตรกรติดตามราคาใกล้ชิด คาดเดือนสิ้นพ.ค.-มิ.ย. ทะลุ 3.50 บาท/กก. ชี้สัญญาณบวกโรงสกัดฯเมินเข้าร่วมโครงการขายน้ำมันปาล์มดิบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
นายสิทธิพร จริยพงศ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานีและรองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” สถานการณ์ราคาผลปาล์มดิบที่เกษตรกรขายขณะนี้เริ่มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นจาก 2.10 - 2.20 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม
“ ก็บอกกับพี่น้องเกษตรกรว่า เฝ้าติดตามราคาผลปาล์มดิบ แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นแต่ก็ปรับช้ามาก สัปดาห์ละประมาณ 10 สตางค์เท่านั้น ในขณะที่ผลผลิตปาล์มก็เริ่มน้อยลง รวมถึงสต๊อกก็ไม่ได้บวมแล้ว แต่ราคาผลปาล์มดิบยังขยับช้าเหลือเกิน แต่ก็หวังว่าราคาสิ้นเดือนพ.ค.และมิ.ย.ราคาปาล์มจะต้องทะลุ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม ”
โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาปาล์มทะลุ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม คือ 1.ผลผลิตปาล์มที่น้อยลง 2.ปริมาณสต็อคที่ลดลง 3.การสนับสนุนการใช้น้ำมัน บี 10 และ บี 20 รวมถึงการเปิดจุดแบ่งปัน บี 100 ทำให้ในขณะนี้ความต้องการน้ำมันปาล์มในตลาดมีเพิ่มมากขึ้น
“แต่หากว่าสิ้นเดือนพ.ค.และภายในเดือนมิ.ย.นี้แล้ว ราคาปาล์มยังไม่สามารถทะลุ ไปที่ 3 บาทต่อกิโลกรัม คงจะต้องพิจารณาดูกันทั้งระบบว่าเกิดอะไรขึ้น แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น จนทำให้ราคาไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่ควรจะเป็น”
นายสิทธิพร จริยพงษ์ กล่าวและว่า สิ่งที่เป็นสัญญาณบวกสำหรับราคาปาล์มที่มีแนวโน้มปรับขึ้น คือ การเปิดประมูลน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำไปทำเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า จำนวน 1 แสนตันนั้น ปรากฎว่ามีโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบมายื่นข้อเสนอเพียง 45,000 ตันเท่านั้น
ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวมองได้ 2 มุม มุมแรกก็คือ ทางโรงสกัดฯประเมินว่าแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น จึงไม่อยากไปเสนอขายให้กับกฟผ.ในราคาชี้นำที่ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้โรงสกัดฯเสียโอกาส มุมองที่สองคือการขายน้ำมันปาล์มดินให้กับ กฟผ.ทางโรงสกัดฯยังกังวลเรื่องการจ่ายเงิน
“แม้ว่าในครั้งนี้การซื้อจะเป็นเงินของกฟผ.เองก็ตาม แต่จากประสบการณ์การจ่ายเงินโครงการ 1.6 แสนตัน ที่ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกตรกร (คชก.) มีความยุ่งยากในการจ่ายเงินและ กฟผ.ไม่มีถังเก็บ ทางโรงสกัดฯจะต้องมีถังเก็บให้ กฟผ. ซึ่งยุ่งยากและไม่อยากลงทุน เพราะเป็นโครงการแก้ปัญหาระยะสั้น”
ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานีและรองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 กล่าวและว่า เมื่อประเมินจากปัจจัยต่างๆ ในขณะนี้ จึงเชื่อได้ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบจะปรับเพิ่มที่ 18 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 14-15 บาทต่อกิโลกรัม
ซึ่งจะมีผลทำให้ผลปาล์มดิบราคาทะลุ 3.50 บาทต่อกิโลกรัมตามไปด้วย และเมื่อราคาผลปาล์มดิบปรับทะลุ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการก็คือรักษาสมดุลย์ระหว่างอุปสงค์กับอุปทานและสกัดการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศที่ยังมีการลักลอบอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง