ชาวโคราชเสียดายผิดหวัง "บิ๊กตู่" ไม่มาปราศรัยที่บ้านเกิด

 

นครราชสีมา - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่เดินทางมาร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ ช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียง ในวันที่ 10 มีนาคม 2562 ซึ่งจะจัดขึ้นที่บริเวณลานจอดรถของตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพตา ที่ยังต้องรักษาให้หายดีก่อนนั้น

 

 

 

 

 

 

ล่าสุด วันนี้ (7 มี.ค. 2562) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ส่วนใหญ่ก็รู้สึกเสียดายที่พลเอกประยุทธ์ฯ จะไม่เดินทางมาปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพลเอกประยุทธ์เอง โดยนางจุฑามาศ บุญค้ำมา อายุ 67 ปี ชาว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองได้ยินข่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมาขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิด ก็รู้สึกดีใจที่จะได้ฟังการปราศรัยนโยบายต่างๆ ว่าจะมีนโยบายดีๆ อะไรบ้างที่จะมาพัฒนา จ.นครราชสีมา ให้เจริญขึ้นบ้าง แต่เมื่อเช้านี้ทราบข่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จะไม่ได้มาปราศรัยแล้ว ก็รู้สึกเสียดายโอกาส แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังชื่อว่าจะไม่ได้ทำให้ความนิยมของพลเอกประยุทธ์เสียหายอะไร เพราะอย่างน้อยก็ยังมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่หาเสียงที่โคราชอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

 

 

                                  

 

 

 

นางจุฑามาศ บุญค้ำมา

 

 

 

ด้านนางอัจฉราพรรณ สมพงษ์ อายุ 52 ปี ชาว อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเองไม่รู้สึกเสียดายอะไร เพราะเป็นเรื่องของการเมือง หลายคนอาจจะคิดว่าการที่พลเอกประยุทธ์ จะเดินทางมาหาเสียงที่โคราช จะได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะการใช้อำนาจหน้าที่ความเป็นายกรัฐมนตรี ในการหาเสียงที่บ้านเกิดของตนเอง แต่การไม่มาจะเสียประโยชน์ ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้เสียประโยชน์มากนัก จะมีบ้างก็เฉพาะการมาพบปะประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา แต่คนทุกวันนี้ไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีจากการพบปะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทุกคนเขามองถึงนโยบายต่างๆ ว่าจะตอบโจทความต้องการของประชาชนได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก ซึ่งการเสนอนโยบายก็สามารถทำได้ผ่านสื่อต่างๆ อยู่แล้ว ประชาชนก็รับรู้ได้ตลอด แต่สุดท้ายนโยบายต่างๆ ที่เสนอมานั้น จะทำได้จริงหรือเปล่า ประชาชนก็ต้องพิจารณาดูให้ดีก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อจะได้ไม่ถูกนักการเมืองหลอกให้เสียประโยชน์จากการลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้.

 

 

 

 

 

 

นางอัจฉราพรรณ สมพงษ์