ผบก.ภ.จว.พิษณุโลกประชุมตำรวจ ทหาร ปกครอง อ.นครไทย หลังญาติร้องเรียนกองปราบและผบ.ทบ. ไม่มีความคืบหน้า เร่งคลี่คลายกรณีพระเด็จหายตัว
17 มกราคม 2562 พลตำรวจตรีถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกได้เป็นประธานการประชุม ร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองอำเภอนครไทย
ทั้งนี้เพื่อคลี่คลายกรณี พระสมเด็จ เปสโล (คงกระพันธุ์) อายุ 56 ปี พระลูกวัดของวัดบ้านพร้าว ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.2561 บนเทือกเขาผาขี้ควาย ขณะเดินขึ้นไปสวดมนต์บนเขาขี่ควายที่ตำบลบ้านพร้าวอำเภอนครไทย
คดีพระ สมเด็จหายตัวเป็นปริศนาทางญาติคือนางบุญศรี ขำมี ภรรยา พระเด็จ และนางช่อเพชร นวลวัน บุตรสาวของพระเด็จยังคงติดใจประเด็นการหายตัวไปของพระเด็จ ทั้งคู่เดินทางไปร้องเรียนตำรวจกองปราบปรามและผบ.ทบ.เพื่อให้ช่วยเหลือคลี่คลายคดี เพราะจากการระดมจนท.และชาวบ้านค้นหามาหลายวันตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2561 แต่ก็ไม่พบวี่แวว
ทั้งนี้บ่ายวันนี้พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก จะประชุมด่วนร่วมกับ พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 39 และรองเสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.พิษณุโลก (รอง เสธ.กกล.รส.จว.พิษณุโลก) กองทัพภาคที่ 3 ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ.ให้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอ พนักงานสอบสวน ชุดสืบสวนที่สภ.นครไทยเพื่อคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยและการติดใจของญาติ โดยเชิญภรรยาและบุตรสาวของพระเด็จ เข้าไปให้ข้อมูลด้วย ใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นผบก.ภ.จว.พล.ได้เชิญสื่อมวลชนมาเปิดเผยความคืบหน้าของการติดตามตัวพระเด็จ
พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีพระเดชหายตัวบนเขาขี่ควายต.บ้านพร้าว อ.นครไทย ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมามีการระดมการค้นหาร่วมกันทุกฝ่ายแต่ไม่พบหลักฐานหรือเบาะแสใด ๆ ว่าพระเด็จหายตัวไปที่ไหนอย่างไร เสียชีวิต หรือ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ วันนี้ได้เชิญญาติของพระเด็จมาร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่ญาติยังติดใจสงสัยในทุกประเด็น เพื่อที่พนักงานสอบสวนจะได้เรียกสอบพยาน รวบรวมพยานหลักฐาน ให้คลี่คลายกระจ่างตอบคำถามญาติได้ และยังเป็นไปได้ในหลายกรณี
ทั้งฆาตรกรรมอำพราง หรือ พระเด็จหายตัวหลยหนีไปเอง หรือ อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ขณะนี้จะแจ้งตำหนิรูปพรรณคนหาย ส่งไปที่ศูนย์คนหาย ให้จังหวัดใกล้เคียงติดตามคนหาย ส่วนกรณีที่จะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น ก็ยังไม่ตัดประเด็นทิ้ง เพราะผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้อง ตรวจฉี่แล้วพบสารเสพติดในตัว ตนจะไล่ติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์พร้อม ๆ กับญาติ จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง
นางบุญศรี ขำมี ภรรยาของพระเด็จ เปิดเผยว่า มาร่วมประชุมวันนี้มีความหวัง 50 % ที่จะพบหรือไม่พบตัวพระเด็จ แต่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว ที่ญาติอยากพบตัวพระเด็จไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ที่ผ่านมาพระเด็จ มาบวชที่วัดบ้านพร้าวได้ประมาณ 11 เดือนแล้ว และเป็นคนในพื้นที่ ไม่เชื่อว่าจะออกไปที่อื่นเอง เพราะแม้แต่ขึ้นรถโดยสารก็ยังขึ้นไม่เป็น
นางช่อเพชร นวลวัน บุตรสาวของพระเด็จ เปิดเผยว่า มาประชุมร่วมกับตำรวจวันนี้ ตำรวจก็รับว่าจะตามทุกประเด็นที่เราสงสัย ก็มีความพอใจ คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม คิดว่าน่าจะเจอตัวพระเด็จ
พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 39 ได้เดินทางไปที่วัดบ้านพร้าว ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย วัดที่พระเดชสังกัดอยู่ ได้พบกับพระครูพิบูลธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านพร้าว และเจ้าคณะอำเภอนครไทย สอบถามถึงการหายตัวไปของพระเดช ที่ขึ้นไปร่วมสวดมนต์บนเขาขี่ควาย พร้อมกับเชิญฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุข มาร่วมตรวจสารเสพติดในปัสสาวะพระภิกษุในวัดบ้านพร้าว เนื่องจากพระอำนาจ หรือ ทิดนาจ ที่เป็นผู้ต้องสงสัย เป็นพยานบุคคล ที่ขึ้นไปกับพระเด็จก่อนพระเด็จหายตัวไปเมื่อ 17 ธันวาคม 25611 ถูกตรวจสารเสพติดและถูกสึกจากพระอยู่ในบำบัดสารเสพติดไปแล้ว และวันนี้มีการตรวจปัสสาวะพระภิกษุ 6 รูป พบ 1 รูป มีสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าตัวยอมรับว่ารับยาบ้ามาจากทิดอำนาจที่สึกไปแล้ว และเสพจริง เจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าอาวาสดำเนินการสึกและนำส่งสภ.นครไทย บันทึกเป็นผู้เสพเข้าสู่ขั้นตอนการบำบัดต่อไป
เรื่องโดย : มงคลเชาวราช ทั่งมั่งมี ภาพโดย : มงคลเชาวราช ทั่งมั่งมี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง