ทาวเวอร์เครนหักทับผู้ควบคุมดับอนาถ

 

               เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561  พ.ต.ท.อุทิศสุดใจ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีทาวเวอร์เครนตกลงมาจากดาดฟ้าชั้นที่ 29 ทับคนงานเสียชีวิตภายในสถานที่ก่อสร้างคอนโดฯ หรู ย่านถนนเทพารักษ์ หลักกิโลเมตรที่ 2 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางเข้าตรวจสอบ

 

 

 

               ที่เกิดเหตุเป็นไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างอาคารคอนโดฯ สูง 38 ชั้น สร้างเสร็จไปแล้วจำนวน 30 ชั้น ที่บริเวณดาดฟ้าชั้นที่ 30 พบเหล็กโครงสร้างของทาวเวอร์เครนที่ตั้งจากพื้นดินขึ้นไปสูงกว่าอาคาร 30 ชั้น ได้หักพับลงมา โดยที่ปลายมุมเข้าไปเสียบคาอยู่ที่หน้าต่างชั้นที่ 26 ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตตกลงมากระแทกพื้นและถูกโครงเหล็กทับจนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นดาดฟ้าชั้นที่ 30 ทราบชื่อ นายวิทยา พาขึ้นพร้อม อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 80 หมู่ 12 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ผู้ควบคุมทาวเวอร์เครนที่เกิดแหตุ

               หลังเกิดเหตุคนงานได้ให้การช่วยเหลือโดยนำร่างของผู้ตายลงมาที่พื้นด้านล่างเพื่อจะนำส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตก่อนแล้ว จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าทาวเวอร์เครนดังกล่าว หักลงมาตั้งแต่ฐานเราเตอร์ที่หมุนสวิงอยู่ใต้ฐานห้องควบคุมเครน และหักตกลงมากระแทกพื้นดาดฟ้าชั้นที่ 30 ส่วนด้านปลายของเครนดังกล่าวกระแทกกับมุมอาคารชั้นที่ 30 พาดหักลงมา ปลายบูมหักลงมากระแทกกับหน้าต่างชั้นที่ 26

               จากการสอบสวนเพื่อนร่วมงาน ทราบว่า ทาวเวอร์เครนต้นดังกล่าวมีปัญหามาหลายวันแล้ว และบริษัททาวเวอร์เครนได้แจ้งว่าจะเข้ามาทำการเปลี่ยนตัวเครนให้ แต่ทางบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างอ้างว่าจะเสียเวลา จึงไม่ยอมให้เปลี่ยนและซ่อมแซมจนสามารถใช้การได้ และก่อนเกิดเหตุในขณะที่ผู้ตายซึ่งอยู่ในห้องควบคุมด้านบน กำลังควบคุมเครนที่กำลังยกของจากพื้นด้านล่างขึ้นไปด้านบน อยู่ๆ เครนดังกล่าวได้หักบริเวณฐานเราเตอร์ใต้ห้องควบคุมและหักตกลงมากระแทกพื้นอาคารชั้นที่ 30 ก่อนที่จะถูกเหล็กโครงสร้างตกลงมาทับ คนงานที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยกันนำร่างของผู้ตายลงมาด้านล่างเพื่อจะนำส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตก่อน

 

 

 

               เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะได้เชิญตัววิศวกรที่ควบคุมสถานที่ก่อเหตุ และวิศวกรของบริษัททาวเวอร์เครนต้นที่หักลงมา มาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป