จนท.สั่งปิดผับดัง"คัมแบ็ค"หลังเปิดไม่มีใบอนุญาต

 

            2 พฤศจิกายน 2561 จนท.ศูนย์ดำรงธรรมคัมแบ็ค"เป็นการชั่วคราวรอบที่ 2 หลังกลับมาเปิดกิจการแบบสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งเสียงดังรบกวน เจ้าของน้อมรับคำสั่งด้วยน้ำตา เตรียมขอเปิดเป็นร้านอาหารชั่วคราว
 

 

            ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ซึ่งอยู่ด้านหน้าผับดัง "คัมแบ็ค" เจ้าหน้าที่ชุดศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่ระดับจังหวัดตรัง นำโดย พ.อ.พิชิต  โชตแก้ว รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาผับดัง "คัมแบ็ค" ที่เปิดดำเนินกิจการผิดกฎหมาย โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการร้านอาหาร หรือสถานบริการ ส่งเสียงดังรบกวนประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่  

 

 

            ประกอบด้วย จ่าจังหวัดตรัง ตัวแทนเทศบาลนครตรัง ตัวแทนฝ่ายปกครองอ.เมืองตรัง ตำรวจ สาธารณสุข รวมทั้งชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และเจ้าของผู้ประกอบการ มาร่วมวงเจรจาหาทางแก้ปัญหา หลังชาวบ้านร้องเรียนว่าสถานบริการดังกล่าวซึ่งเคยถูกสั่งปิดให้ทำการปรับปรุงตามที่ชาวบ้านขึ้นป้ายประจานหน่วยงานภาครัฐปล่อยให้เปิดอย่างผิดกฎหมายส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน จนต้องสั่งปิดให้ทำการปรับปรุงตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2561 และกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และยังสร้างปัญหาส่งเสียงรบกวนเหมือนเดิม

 

 

            ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อกฎหมายทุกข้อที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสถานบริการว่า ผับดังกล่าวกระทำผิดกฎหมายข้อใดบ้าง จากการตรวจสอบพบว่าทางผู้ประกอบการขออนุญาตการใช้อาคารจากเทศบาลนครตรังสำหรับเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ในความเป็นจริงมีวงดนตรี เล่นเพลงเสียงดัง แด๊นเซอร์ มีพนักงานเสิร์ฟ จำหน่ายสุรา มีการเต้นกันสนุกสนาน และส่งเสียงดังรบกวน เข้าข่ายเป็นสถานบริการ และไม่ได้ขออนุญาตเปิดเป็นสถานบริการ และตั้งอยู่นอกพื้นที่โซนนิ่งซึ่งไม่สามารถจะเปิดเป็นสถานบริการได้  จึงสั่งปิดเป็นการชั่วคราวนับจากนี้เป็นต้นไป จนกว่าทางผู้ประกอบการจะไปขออนุญาตใบประกอบการร้านอาหารอย่างถูกต้อง  และดำเนินการตามกฎหมายในรูปแบบของร้านอาหารเท่านั้น และหากจะเปิดเป็นสถานบริการ ก็จะต้องปิดตัวและย้ายไปหาที่เปิดใหม่ในพื้นที่โซนนิ่งเท่านั้น 

            

 

            พ.อ.พิชิต โชติแก้ว  กล่าวว่า  วันนี้ได้ใช้ระเบียบข้อกฏหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพูดคุยเจรจากัน ซึ่งจะเปิดเป็นสถานประกอบการไม่ได้  เนื่องจากไม่ได้อยู่ในพื้นที่โซนนิ่งตามที่ทางอำเภอแจ้ง ส่วนการจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหารจะต้องขออนุญาตสถานประกอบการร้านอาหารให้ถูกต้อง แต่ตอนนี้ขออนุญาตเฉพาะอาคารเพื่อเปิดเป็นร้านอาหารเท่านั้น แต่ว่าใบอนุญาตประกอบการร้านอาหารอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาต จึงต้องสั่งปิดไปก่อน จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นกันว่าสภาพพื้นที่ภายในจะสามารถออกเป็นใบอนุญาตร้านอาหารได้หรือไม่  ซึ่งถ้าเป็นร้านอาหารได้ก็เร่งให้ออกโดยเร็ว  จะสามารถแก้ปัญหาให้แก่ชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้ เพราะร้านอาหารจะเป็นดนตรีแนวเบาๆ แต่ถ้าเสียงดังอีกก็สามารถแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอีกได้ 

 

 

             นางสาวโพยมรัตน์  เรืองฤทธิ์ อายุ 40 ปี และนางสาวครินทรา  สุธาประดิษฐ์ นักกฎหมาย  ซึ่งลุกขึ้นกล่าวในที่ประชุมเจรจาด้วยน้ำตา และให้สัมภาษณ์ว่า ทางร้านน้อมรับในคำสั่งดังกล่าว และรู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่โซนนิ่ง แต่ได้ลงทุนไปแล้ว ที่ผ่านมาพยายามปรับปรุงร้านมาโดยตลอดเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงดังรบกวน และพร้อมจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ได้ยื่นขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหารไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ จะเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว เพื่อเปิดเป็นร้านอาหารไปก่อน จนกว่าจะย้ายไปลงทุนก่อสร้างที่ใหม่ได้ และเตรียมหาที่เปิดใหม่ไปอยู่ในพื้นที่โซนนิ่ง  พร้อมขอกำลังใจจากชาวตรังที่ชื่นชอบฟังดนตรีสไตล์ "คัมแบ็ค" ให้ตามไปให้กำลังใจด้วย 

 

 

             โดยผับดัง "คัมแบ็ค" ซึ่งเคยตกเป็นข่าวดังเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกชาวบ้านขึ้นป้ายประจานหน่วยงานภาครัฐปล่อยให้เปิดอย่างผิดกฎหมายส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน จนต้องสั่งปิดให้ทำการปรับปรุง แต่ภาครัฐปล่อยให้กลับมาเปิดใหม่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็พบว่าผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาต  และส่งเสียงดังรบกวน จนชาวบ้านต้องออกมาร้องเรียนใหม่อีกครั้ง  จนมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันตามมาด้วย 

 

 

             อย่างไรก็ตาม  ในการจัดชุดศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่ระดับจังหวัดตรัง เป็นไปตามนโยบายของ คสช.และกองทัพบก โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ และจะมีการจัดชุดเคลื่อนที่ลงแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกสัปดาห์ และแบบบูรณาการร่วมกันกับศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัดเดือนละ 1 ครั้งในทุกอำเภอ ทั้งนี้ เพื่อต้องการแก้ปัญหาความชัดแย้งระหว่างประชาชนกับประชาชน และระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐ  โดยเชิญคู่ขัดแย้ง และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ปัญหานั้นๆมาร่วมวงเจรจาให้ได้ข้อยุติ โดยยึดข้อกฎหมายเป็นหลัก