"มาร์ค" ชูเลือกตั้ง ผวจ. ชิงหัวหน้าพรรค

 

               วันนี้ (23 ต.ค.) ที่ ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 ได้เดินทางมาพบปะหาเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกำหนดจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1 - 5 พฤศจิกายน นี้ โดยมี นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส. ภูเก็ต เขต 1 , นายเรวัต อารีรอบ อดีต ส.ส. ภูเก็ต เขต 2 , นางกันตวรรณ ตันเถียร อดีต ส.ส. พังงา , นายชัยยศ ปัญญาไวย์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดภูเก็ต และใกล้เคียง ให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น

 

 

 

               นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย และมีจุดยืนในแนวทางประชาธิปไตย เราจึงต้องมีการพัฒนาการทำงานตลอดเวลา ในส่วนของการเลือกหัวหน้า โดยให้มีการหาเสียงตามพื้นที่ต่างๆ ถือเป็นรูปแบบใหม่ของการเลือกหัวหน้าพรรค และทางพรรคก็ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด หากพรรคการเมืองใดนำไปใช้ก็สามารถทำได้ ด้วยมองว่าการทำเช่นนี้จะเป็นการเลือกตั้งโดยประชาชนผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง และไม่ได้มีส่วนร่วมเพียงแค่การสอบถาม แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

               "การตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากต้องการจะนำพรรคไปสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่ แม้ว่าประชาชนทั้งประเทศจะต้องการก็ตาม เพราะต่างคาดหวังว่าหลังเลือกตั้งจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องชาวบ้าน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นความหวังของประชาชน ที่ผ่านมา ในช่วงเป็นรัฐบาลได้ทำในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา สาธารณสุข คุณภาพชีวิต ราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคายางพาราสูงถึงกิโลกรัมละ 180 บาท แต่ตอนนี้ราคาตกลงอย่างน่าใจหาย รวมไปถึงราคาปาล์ม ข้าว และสินค้าการเกษตรอื่นๆ

 

 

 

               นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ยังไม่ได้ทำและทำไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปสำนักงานตำรวจ การกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น ซึ่งมีการพูดกันมานาน แต่ขณะนั้นมีการบอกว่าทำได้ยาก เพราะจะมีปัญหากับกระทรวงมหาดไทย แต่หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นความต้องการของเจ้าของพรรค และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จังหวัดทั่วทั้งประเทศจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากทุกจังหวัดมีความต้องการของตนเอง และความเหลื่อมล้ำส่วนหนึ่งเกิดจากที่ทุกคนต้องรอส่วนกลางตัดสินใจ ส่วนของนโยบายอื่นๆ ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น กรณีของภูเก็ต จะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และหลายโครงการในอดีตที่เคยผลักดันไว้ เช่น โครงการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจะต้องขยายเพิ่มเติม รวมไปถึงระบบขนส่งมวลชน และศูนย์ประชุม ก็มองว่ายังควรจะมีการลงทุน เพื่อใช้สำหรับจังหวัดใกล้เคียงได้ด้วย"

               นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จึงขอโอกาสสมาชิกจำนวน 2.5 ล้านคน เลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง เพื่อจะได้ไปแก้ปัญหาต่างๆ หลังจากที่ได้สะสมประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อจะได้เข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ กรณีที่เป็นรัฐบาลร่วมก็จะมีการนำเสนอนโยบายให้พรรคร่วมทราบก่อน หากรับไม่ได้ก็คงไม่เข้าร่วม เพราะเป้าหมายสำคัญคือ การเข้าไปเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนที่อาจจะมีสมาชิกหลายคนยังมีความหงุดหงิดใจว่า ในช่วงที่ได้เป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำนั้น ด้วยมีเหตุผลหลายๆ ดังนั้น จึงขอให้ยุติอารมณ์ดังกล่าวไว้ก่อน และขอให้ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกหัวหน้าพรรค เพื่อจะได้เข้าไปทำในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ทำไม่ได้ก่อนหน้านี้ โดยอาจจะเลือกผ่านทางแอปพลิเคชันในระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤศจิกายน หรือ เลือกในสถานที่ซึ่งจัดไว้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน นี้ ซึ่งจากการลงพื้นที่เพื่อหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคในหลายๆ จังหวัดได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย โดยจะหาเสียงไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้