ภาพข่าวโดย...อัจฉรา วิเศษศรี
จากกรณี ด.ช.วัย 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.ปทุมธานี ถูกพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยง ทำร้ายอย่างทารุณ โดยมีบาดแผลเต็มตัว ตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงเท้าทั้ง 2 ข้าง โดยที่ปากถูกดึงจนปากแหว่งเห็นได้ชัด ตามร่างกายมีรอยคล้ายถูกของมีคมและของร้อนทำร้าย มีบาดแผลทั่วร่างกาย จนทำให้ทนไม่ไหว ขี่รถจักรยานหนีออกจากบ้าน ติดต่อแม่แท้ๆ ที่อยู่ระยองผ่านทางเฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือ และปั่นจักรยานจากปทุมธานีไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อให้แม่มารับตัวไปอยู่กับแม่และยายที่ จ.ระยอง กระทั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือพาแม่และเด็กชายเข้าแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ตำรวจจึงตามจับกุมตัว นายอัครเศรษฐ์พร อายุ 47 ปี นางสาวนรินทร อายุ 32 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 405/2561 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2561 ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ , หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว โดยในชั้นจับกุมนายอัครเศรษฐ์พร ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน น.ส.นรินทร์ ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
นางแพร อายุ 79 ปี ยายแท้ๆ ของ ด.ช.วัย 14 ปี บอกว่า เมื่อวันที่ลูกสาวและหลานเดินทางไปแจ้งความที่ปทุมธานี นายอัครเศรษฐ์พร อดีตลูกเขย ได้เข้ามาหาตนเองพร้อมด้วยพ่อซึ่งบวชเป็นพระได้เกือบพรรษาแล้ว เมื่อมาถึงอดีตลูกเขยก็ได้เข้ามาสวมกอดร้องไห้บอกแม่ยกโทษให้ผมเถอะครับ ผมทำคนเดียว เค้าไม่ได้ทำ ขอให้ช่วยไปถอนแจ้งความ
นางแพร ยังบอกต่อว่า เมื่อทั้งสองถูกจับได้ ก็ดีใจ เพราะที่ทำร้ายหลานก็เหมือนกับทำร้ายตนเอง หลานมีสายเลือดของตนเองอยู่ด้วย หากโกรธเกลียดแม่เด็ก ก็ไม่น่าระบายกับลูกแท้ๆ ยอมรับว่า แค้นมาก อยากตบให้หายแค้น แต่ก็มาคิดว่า เค้ามากับพระ และหากทำอะไรรุนแรงไป บรรดาญาติที่มาอยู่ด้วยตอนนั้น ก็คงไม่ยั้งมือ จึงไม่ทำอะไร
นางกิ่ม อายุ 74 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ได้เห็นสภาพของ ด.ช.วัย 14 ปี ตั้งแต่วันที่มาระยอง ก็รู้สึกใจหาย เพราะมีสภาพบอบช้ำน่าสงสารที่ต้องทนมานานหลายปี ถึงวันนี้เชื่อว่าหน่วยงานต่างๆ ต้องมาช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังแปลกใจเป็นอย่างมากที่พ่อแท้ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หน้า แต่พอมีเรื่องก็มาขอให้ยกโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ด.ช.วัย 14 ปี อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ฟื้นฟูสภาพจิตใจจนกว่าจะดีขึ้น และดำเนินการทางด้านคดีแล้วเสร็จ ก็จะให้ได้กลับมาอยู่กับแม่แท้ๆ ซึ่งพักอยู่ที่บางสเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง