"ทัพเรือ"เตรียมเรือหลวงอ่างทองช่วยสึนามิอินโดฯ

 

 

            6 ตุลาคม 2561 พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พลเรือโท ไกรศรี เกษร รองเสนาธิการทหารเรือ เข้าตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญ กำลังพลที่เข้าร่วมภารกิจเตรียมพร้อมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว-สึนามิ เกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย  

 

 

            โดยใช้เรือหลวงอ่างทอง หมายเลข 791 ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เป็นเรือบัญชาการและฐานปฏิบัติการในทะเล จอดเทียบท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ดำเนินปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย HA/DR เต็มรูปแบบ ด้วยแนวทาง “FROM THE SEA” สามารถออกเรือเดินทางได้เมื่อรัฐบาล หรือหน่วยเหนือสั่งการ

 

 

            ในการเตรียมพร้อมในครั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เตรียมเรือหลวงอ่างทอง สังกัด กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ เป็นฐานบัญชาการ ที่ยกระดับขีดความสามารถของเรือ ให้เป็นโรงพยาบาลสนามระดับ 2 มีห้องตรวจโรค ห้องผู้ป่วย 4 เตียง และผู้ป่วยเฝ้าระวัง 2 เตียง ห้องผ่าตัดเล็ก ชุดเครื่องมือเอ็กซเรย์ และห้องทันตกรรม มีกำลังเข้าร่วมจาก หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.กร.) กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) หน่วยบัญชาการ กองเรือยุทธการ (กร.)

 

         

   

           หน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน (นย.) กรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ (กสพ.ฐท.สส.) และกรมแพทย์ทหารเรือ (พร.) รวมกำลังที่เข้าร่วมภารกิจกว่า 500 นาย ซึ่งกำลังพลจะพิจารณาจัดตามความรุนแรงสถานการณ์ และความจำเป็นแต่ละกรณีไป นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียม เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และยุทโธปกรณ์ เครื่องมือจักรกลหนัก ที่ใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่และสิ่งปลูกสร้าง อีกด้วย

 

 

            พลเรือโท ไกรศรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว สึนามิ และเกิดธรณีสูบ บนเกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย ได้สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติ มีผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้มากกว่า 1 พันคน กองทัพเรือ จึงได้เตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ผู้ประสบภัยบนฝั่งที่มีพื้นที่ติดทะเล ด้วยแนวทางที่เรียกว่า “FROM THE SEA” คือการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือจากเรือสู่ฝั่ง

 

 

            ซึ่งในช่วงเวลานี้ นับเป็นขั้นการปฏิบัติหลังเกิดภัยพิบัติ ยังคงมีความต้องการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประสบภัยพิบัติ รวมทั้งการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีสิ่งกีดขวางต่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ในเรื่องของการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งภายในประเทศและภูมิภาค รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562

 

 

            อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการจัดกำลังขนาดใหญ่ จึงเป็นภาพกำลังขนาดเล็กกว่า แต่ยังคงได้เห็นภาพกำลัง และยุทโธปกรณ์ในส่วนต่าง ๆ อาทิ ทางการแพทย์ และการซ่อมสร้าง รวมทั้ง เฮลิคอปเตอร์สำหรับการช่วยเหลือส่งกลับผู้บาดเจ็บ และลำเลียงกำลังพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นเข้าพื้นที่ นับเป็นการเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด กำลังพลจากหลายฝ่ายสามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการเดินทางไปบรรเทาสาธารณภัยให้กับประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะมิตรประเทศนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้สั่งการ กองทัพเรือ มีหน้าที่เตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติตาม หากได้รับคำสั่งจากหน่วยเหลือ