ภาพข่าวโดย...สุพจน์ แก้วกาสี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (5 ต.ค.) ร.ต.อ.โสภณ กลั่นผลหรั่ง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากญาติของ น.ส.รวิวรรณ ขันธ์เครือ หรือ ข้าว อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 7/2 หมู่ที่ 2 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ว่า พบสัญญาณ GPS โทรศัพท์ของ น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว อยู่ในคลองชลประทานฝั่งซ้าย บริเวณแยกบ้านสนุ่น หมู่ 5 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมูลนิธิขุนรัตนาวุธและพิทักษ์กาญจน์ ให้ช่วยกันดำค้นหา
หลังจากญาติได้ออกติดตามหา น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว ภายหลังจากหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. โดยหายไปพร้อมรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ มาสด้า สีบรอนซ์เงิน หมายทะเบียน 2 กจ 4808 กทม. และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าจุดสุดท้ายอยู่ในท้องที่ ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนกระทั่งญาติพบพิกัดสัญญาณ GPS โทรศัพท์ของ น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว และพบร่องรอยของล้อรถวิ่งทับกอหญ้าเป็นทางยาวลงไปในคลองบริเวณสะพานบ้านสนุ่น ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำได้ช่วยกันระดมค้นหาโดยใช้เวลานานกว่า 6 ชม. ท่ามกลางพ่อ แม่ ญาติ และเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งไทยมุงจำนวนมาก ในที่สุดก็พบชิ้นส่วนแรกเป็นกระจังหน้าของรถคันเกิดเหตุ และห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปประมาณ 100 เมตร กลางลำคลอง พบซากรถยนต์คันดังกล่าว จึงทำการกู้ซากรถขึ้นมาบนฝั่ง
จากการตรวจสอบภายในรถพบร่างของหญิงสาวสวมชุดของบริษัทแห่งหนึ่งติดอยู่บริเวณเบาะหลัง สภาพขึ้นอืด โดยทางญาติยืนยันว่าเป็น น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ มาทำการชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้น เกิดจากการขาดอากาศหายใจ และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ซึ่งจะได้นำร่างของผู้เสียชีวิตไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุของการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง และหากญาติไม่ติดใจสาเหตุของการเสียชีวิตก็จะมอบศพให้ญาติไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
จากการสอบถามบิดาของ น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว ผู้เสียชีวิต ทราบว่า วันเกิดเหตุบุตรสาวได้ออกมาจากโรงงานของบริษัท ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อมาหาแฟนหนุ่มในพื้นที่บ้านสำนักคร้อ หมู่ที่ 1 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี โดยเมื่อเวลา 22.00 น. แม่ของผู้ตายได้โทรศัพท์หาผู้ตายก็ยังสามารถติดต่อได้อยู่ แต่เวลาประมาณ 23.00 น. ของวันเดียวกัน ปรากฏว่า ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงได้พยายามออกตามหาและเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสัญญาณ GPS โทรศัพท์ กระทั่งมาพบบุตรสาวกลายเป็นศพดังกล่าวหลังหายตัวไปนาน 3 วัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากอุบัติเหตุ เนื่องจากสภาพด้านหน้าของรถมีร่องรอยของการเฉี่ยวชนจนพังยับเยิน คาดว่า น.ส.รวิวรรณ หรือ ข้าว ผู้ตาย ขับมาตามเส้นทางเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่เนื่องจากขณะเกิดเหตุสภาพอากาศมืด และบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีไฟส่องสว่าง ประกอบกับไม่ชำนาญเส้นทาง จึงไม่เห็นว่าสะพานดังกล่าวเป็นสะพานเล็กที่ใช้เฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น ส่วนรถใหญ่จะต้องใช้สะพานถัดไปที่ตั้งอยู่คู่ขนานกัน จึงอาจเป็นเหตุให้ผู้ตายเกิดความเข้าใจผิดขับรถตรงไปจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง