ข่าว

คนใกล้ชิดเล่านาที "โอ วรุฒ" หมดสติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ญาติคนใกล้ชิดเล่านาที "โอ วรุฒ  วรธรรม " ช็อคหมดสติในบ้านพักแม้จะส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่รู้สึกตัว ไม่ทันสั่งเสียคนในครอบครัว เผยนิสัยของอดีตพระเอกชื่อดังเป็นคนตลก

 

            เชียงใหม่-13 ก.ย.61- ญาติคนใกล้ชิดเล่านาที “โอ วรุฒ  วรธรรม ” ช็อคหมดสติในบ้านพักแม้จะส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่รู้สึกตัว ไม่ทันสั่งเสียคนในครอบครัว เผยนิสัยของอดีตพระเอกชื่อดังเป็นคนตลก แต่เก็บความรู้สึก จนครอบครัวไม่รู้ว่าประสบปัญหา-เครียดอะไร ครั้งสุดท้ายเข้าไปกราบแม่ถึงห้องนอนเนื่องในวันแม่ ส่วนสภาพจิตใจของพ่อแม่ตอนนี้เข้มแข็ง            

 

         ที่บ้านเลขที่ 100 บ้านแพะขวางหมู่ 3 ตำบลน้ำแพร่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของ “โอ วรุฒ” อดีตพระเอกชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้ว ได้พบกับนายชูศักดิ์ แสงวิฑูรย์ ญาติผู้ใกล้ชิดกับครอบครัววรธรรม ได้เล่าถึงนาทีชีวิตของพระเอกชื่อดังว่า ก่อนหน้านี้ก็ป่วยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีสัญญานอะไรเลย จนวันที่เขาเดินทางกลับจากเป็นกรรมการการแข่งขันอาหารที่จังหวัดลำพูนแล้วมีคนขับรถมาส่ง พอขึ้บันไดเข้าบ้านได้ไม่นาน แม่บ้านที่ทำงานช่วยร้านกาแฟก็บอกว่า ให้มาดูพี่โอว่าเป็นอะไรเหมือนหมดแรง ช็อคเลยตัดสินใจเรื่องรถกู้ชีพมาวัดชีพจรหายไป และรีบส่งโรงพยาบาลหางดง ชีพจรอยู่ที่ 60 ครั้งต่อนาที เคลื่อนย้ายไม่ได้ในตอนนั้น หลังจากนั้นมีการฉีดยากระตุ้นสักพักชีพจรเพิ่มขึ้นเป็น 100 ครั้งต่อนาที จึงเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลนครพิงค์ เพราะมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยกว่า 

          “โอไม่ได้สั่งเสียอะไรเลย  คือเขาหมดสติไปแล้วไม่ได้สติแล้ว แต่ชีพจรยังเต้นอยู่ ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต ไม่ได้พูดอะไร ด้วยนิสัยจะเป็นจะเก็บความรู้สึกมาก จะคุยเรื่องสนุก เรื่องตลก ส่วนสภาพทางจิตใจของพ่อและแม่ในระยะนี้ ทั้งคู่ไม่ได้บ่นต่างคนต่างไปพักผ่อน เพราะมีอายุกันมากแล้ว ส่วนการคิดถึงลูก เขาอยู่ในอารมณ์ของคนแก่ โอเป็นคนเก็บความรู้สึก แต่ความรักของเขามี เมื่อวันแม่ที่ผ่านมา เขาก็ไปกราบแม่ในห้องนอน แม่เขาก็ดีใจ พ่อก็นั่งกินกาแฟ และก็คุยกัน" นายชูศักดิ์ กล่าว 

           ชีวิตประจำวันของโอก่อนเสียชีวิต เขาก็ใช้ชีวิตตามปกติ ดูร้านกาแฟแต่มีรายได้น้อยลง บางวันเขาไปรับงานข้างนอกบ้างแต่ไม่บ่อย ช่วงบ่ายจะออกไปซื้ออาหารกลับมาบ้านให้พ่อแม่ ก่อนหน้านี้ ช่วงที่ไม่มีงานทำ ต้องทยอยขายที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอยู่ 8 ไร่ออกไป และขายบ้านในกรุงเทพ เหลือเพียงบ้านหลังนี้หลังเดียว  แต่ด้วยเป็นคนที่เก็บความรู้สึก แม้จะมีปัญหาอะไรก็จะไม่พูดให้ทางครอบครัวฟัง จึงไม่มีใครรู้ว่าโอคิด หรือเครียดอะไร โดยที่ผ่านมา ยังรับภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และดูแลพ่อแม่ ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 30,000 บาท ลำพังรายได้จากร้านกาแฟแค่ประคับประคองไปเท่านั้น

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ