"บิ๊กโจ๊ก" ลุยเชียงใหม่ยึดทรัพย์อดีตนิติกรศาล

 

           เมื่อเวลา 09.30 น วันที่ 10 ก.ย.พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ได้ประสานกับทางตำรวจภูธรภาค 5 นำโดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 นำกำลัง นปพ.ภ.5 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทั้งของภาค 5 และของส่วนกลาง จำนวนกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ พร้อมหมายจับหมายค้น เข้าค้นบ้านและยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายอดีตผบก.ภ.จว.เลย ทั้งหมด 4 จุดในเชียงใหม่ มีคอนโดหรูกลางเมืองเชียงใหม่ บ้านพัก ที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่าทั้งสิ้น 70 ล้านบาท

 

          สำหรับทรัพย์สินที่ทางเจ้าหน้าที่บุกยึดประกอบด้วย คอนโดกลางเมืองเชียงใหม่ชื่อ คาซ่าคอนโด และเป็นที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล คาซ่าคอนโดแอทสวนดอก อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอดีตนิติกรของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ จ.ขอนแก่นและได้ลาออกแล้วและได้มาร่วมขบวนการกับอดีต ผบก.ภ.จว.เลย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้พบกับเจ้าตัวพอดี และได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำ และทำการยึดทรัพย์ทั้งหมดของ อดีตเจ้าหน้าที่นิติกรศาลดังกล่าว รวมทั้งบ้านพักที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 4 จุด ทั้งภาคอีสานและเหนือ รวม 10 จุด ยึดได้ มูลค่า 70 ล้านบาทแล้ว

 

 

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้ทางเราได้เข้าทำการเข้าตรวจค้น และยึดอายัดทรัพย์ทั้งหมด 10 จุดด้วยกันทั้งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ,หนองบัวลำภู ,อุดรธานี ,ขอนแก่น และเชียงใหม่ โดยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน จุดที่เข้าจุดแรกของ จ.เชียงใหม่เป็นคอนโดมิเนียม โดยทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เป็น 1 ในผู้ต้องหาที่มีความเกี่่ยวข้องในเรื่องของการเงินไหลเวียนในบัญชี จำนวนมหาศาล ตั้งแต่ปี 2557-2560 มีเงินไหลเวียนประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ซึ่งก็ต้องไปว่ากันในขบวนการยุติธรรมกันต่อไป

 

 

          นอกจากตำรวจแล้วยังมีประชาชนอีกบางส่วนที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการพวกนี้ เราจะจับกุมทั้งหมดและยึดทรัพย์เอาเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายเท่าที่จะมากได้ พวกนี้กระทำการเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ ผู้ต้องหาที่เข้าจับกุมที่ จ.เชียงใหม่ นั้นมีสมาชิกที่เป็นเครือข่ายของเขาประมาณ 70 คน มีเงินหมุนเวียนพันกว่าล้านบาท ตอนนี้เราได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของพวกเครือข่ายพวกนี้จนทราบทั้งหมดแล้ว และเตรียมยึดทรัพย์ทั้งหมด เฉพาะวันนี้เราได้ยึดทรัพย์ทั้งหมดมาแล้ว 70 กว่าล้าน และจะไล่เอาทรัพย์ทั้งหมดมาคืนให้กับประชาชน พวกนี้จะโดนข้อหาความผิดอาญา ข้อหาฟอกเงิน  

 

 

           ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วในเครือข่ายมีผู้พิพากษาร่วมด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า มีผู้พิพากษาคนหนึ่งร่วมด้วย และได้เสนอขออนุมัติหมายจับไปแล้วแต่ไม่อนุมัติ ทางเราก็จะเขียนเป็นรายงานพฤติกรรมของผู้พิพากษารายนี้ให้กับทางตุลาการศาล เพื่อให้พิจารณารับทราบและให้ทางศาลดำเนินการกันต่อไป คดีนี้เราจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ใครเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป ข้าราชการระดับสูงหน่วยงานไหน หากพบว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันก็จะดำเนินการทั้งหมด ทุกรูปแบบ

 

          รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้พิพากษาที่อยู่ในเครือข่ายขบวนการพวกนี้ได้มีการเจรจาตกลงกับผู้เสียหายว่าจะขอคืนเงินให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้ แต่ในที่สุดก็ไม่ทำตามข้อตกลง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับ แต่ไม่ได้รับการพิจารณา ได้แต่อดีตนิติกรศาล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำหนังสือรายงานพฤติกรรมของผู้พิพากษารายดังกล่าวไปยังตุลาการศาล เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป.