เจ้าของเฮือนห้วยแก้ว ร้องถูกคุกคาม-ปิดล้อมร้าน

 

          จากกรณีนายชัยวัฒน์ อินทรชำนาญ เจ้าของร้านอาหารเฮือนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ร้านอาหารชื่อดังใน จ.เชียงใหม่ ได้ร้องเรียนต่อมณฑลทหารบกที่ 33 ว่าได้มีกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นทหารเข้ามาคุกคามและปิดล้อมร้านเพื่อกดดันให้ออกจากพื้นที่

 

          ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (31 ส.ค.) นายชัยวัฒน์ อินทรชำนาญ เจ้าของร้านอาหารเฮือนห้วยแก้ว พร้อมนายชูเกียรติ บุญรักษา ทนายความ ได้เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รองผกก.สส. สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในกรณีที่กลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบนำกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาคุกคามและนำสังกะสีมาล้อมปิดหน้าร้าน ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการร้านอาหารได้ เนื่องจากมีคดีที่ฟ้องร้องเป็นคดีความกันอยู่ในเรื่องที่ดินร้านอาหารที่เอาไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบไว้ โดยขณะนี้เรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของศาล 

 

 

          ก่อนหน้านี้ ตนได้ไปร้องทุกข์กับสื่อมวลชน ถึงการคุมคามและการล้อมรั้วสังกะสี ในวันต่อมาทางทนายความของนายทุนเงินกู้นอกระบบได้ออกมาปฎิเสธกับสื่อมวลชนว่าการร้อมรั้ว และการคุมคามไม่เกี่ยวกับทางกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบแต่อย่างใด 

 

          นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ที่เดินทางมาแจ้งความวันนี้ เพราะว่ามีการมาปิดล้อมทำให้เราไม่สามารถทำมาหากินได้ ทำให้เกิดความยากลำบากในการประกอบกิจการต้องปิดร้านมาประมาณ 10 กว่าวันแล้ว จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ส่วนในเรื่องคดีความที่ฟ้องร้องกันอยู่ในศาลก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม แต่การมาทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง จึงจะทำการรื้อรั้วสังกะสีที่ล้อมปิดหน้าร้านไว้ออก เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติ

 

 

          "ควรต่อสู้กันตามกระบวนการกฎหมายดีกว่ามาใช้การกระทำในลักษณะนี้ อยากให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยจะมีการขึ้นศาลในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ยิ่งในปัจจุบันมีสื่อออนไลน์ต่างๆมากมาย การกระทำลักษณะนี้ไม่น่าจะมีแล้ว จึงอยากฝากผู้มีอำนาจในภาครัฐหรือใครก็ตามที่ทราบเรื่องนี้ ช่วยตรวจสอบและดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากผู้มีอิทธิพลและนายทุนเงินกู้ต่างๆ” นายชัยวัฒน์ กล่าว 

 

          นายชูเกียรติ บุญรักษา ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากเข้าแจ้งความแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้ดำเนินตามข้อของกฎหมาย โดยหลังจากนี้ก็จะมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายชัยวัฒน์ ได้แจ้งความเป็นที่เรียบร้อย ได้เดินทางกลับมาที่ร้านอาหารเฮือนห้วยแก้ว ก่อนดำเนินการรื้อถอนรั้วที่ปิดกั้นอยู่หน้าร้านออก เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบกิจการร้านอาหารได้ตามปกติ

 

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อต้นปี 2553 นายชัยวัฒน์ ได้นำโฉนดดินที่เลขที่ 93451 ไปจำนองกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ในเงิน 25 ล้านบาท จำนวน 2 วงเงิน คือ 9 ล้านบาท และ 16 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจและขยายร้าน จากราคาประเมินของบริษัทประเมินหลักทรัพย์ ที่ธนาคารที่มอบหมายให้ประเมินเพื่อการกู้เงินเมื่อปลายปี 2552 โดยเมื่อสร้างแล้วเสร็จ รวมโฉนดกับสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่า 54.7 ล้านบาท หลังจากนั้น ก็ประสบปัญหาธุรกิจตามภาวะเศรษฐิกจตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง เห็นว่าเอาโฉนดไว้ในธนาคารไม่เกิดประโยชน์ จึงได้ติดต่อหานายทุนเพื่อไถ่ถอนจำนอง 

 

          หลังจากนั้นได้มีคนแนะนำให้ผู้จักนายทุนรายหนึ่ง ซึ่งทราบว่าเป็นนายทุนที่ปล่อยเงินกู้ในวงเงินสูง เมื่อเดินทางมาดูที่ดิน และร้านเฮือนห้วยแก้ว จึงมีการตกลงกันว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับนายทุนก่อน และมีการทำสัญญญาจะซื้อขาย ซืื้อคืน โดยตกลงให้กู้ในวงเงิน 25 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.75 บาทต่อเดือน หรือร้อย 21 บาท ต่อปี โดยหักดอกเบี้ยเป็นการล่วงหน้าไว้ 2 เดือน หักค่าคอมมิชั่น ร้อยละ 5 รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น นายชัยวัฒน์ ได้รับเงินสดจริงๆ จำนวน 22 ล้านบาทเศษ

 

 

          ต่อมากระทั่งในปี 2559 นายชัยวัฒน์ ได้ชำระค่าดอกเบี้ยบางส่วนและจ่ายเงินสดเป็นเงิน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อสัญญาออกไปอีก ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2560 เมื่อครบกำหนดเวลาที่สัญญาไว้ เพื่อจะโอนเงินให้นายทุนรายนี้อีกรอบ แต่ปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อนายทุนรายนี้ได้ พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมโอนที่ดินคืน จนกระทั่งเดือนเมษายน 2561 นายทุนได้แจ้งว่าได้ขายที่ดินให้กับคนอื่นไปแล้ว

 

          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ พยายามติดต่อเพื่อเจรจาเพื่อขอไถ่ถอนคืน แต่นายทุนไม่ยอมตอบกลับ เมื่อเวลาล่วงเลยไปนานจึงได้ว่าจ้างทนายความ เพื่อให้นายทุนนำโฉนดที่ดินมาคิืนและมารับเงินไถ่ถอน 22 ล้านบาทเศษ แต่ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด และปัจจุบันเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการฟ้องร้องของศาล ซึ่งศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 12 ธันวาคม 2561 ที่จะถึงนี้

 

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 นายทุนกลุ่มนี้ ได้นำกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาคุกคาม ข่มขู่เพื่อให้ส่งมอบที่ดินให้และบังคับให้ออกจากร้านทั้งหมด และมีการคุกคามต่อเนื่องถึงเวลากลางคืน พร้อมติดป้ายหน้าร้าน และครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ก็มีการคุกคาม ข่มขู่ อีกครั้ง ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

 

          ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ได้ทำหนังสือไปร้องเรียนไปยัง มทบ.33 ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารออกรับทราบปัญหาแล้ว และรับปากจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ แต่ที่ผ่านมามีชายฉกรรจ์จำนวนหลายสิบคนเข้าไปอยู่บริเวณรอบบ้านและร้าน จนตัวเองภรรยา และสมาชิกภายในครอบครัว ตื่นตระหนก กลัวและไม่สามารถดำเนินธุรกิจและเข้าออกภายในร้านได้.

 

ภาพ / ข่าว -  เกรียงไกร รัตนา