ตร.บุกค้นบ้านเสี่ยส้มโอจ่อเพิ่มอีกข้อหา

               (26 ส.ค.61)จ.นครศรีธรรมราช ช่วงเย็นที่ผ่านมา พันตำรวจเอกวสันต์ พวงน้อย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากพนัง พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ปากพนัง พันตำรวจโทสุริยันต์ วิมลเมือง สารวัตรสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นายสมเกียรติ ทิศนุ่น ประธาน กก.ตร.ปากพนัง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนับสิบนาย พร้อมด้วยหมายค้นศาลจังหวัดปากพนัง เข้าค้นบ้านพักของนายวิรัตน์ สุขแสง ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายส้มโอทับทิมสยาม ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-ปากพนัง ช่วงตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

               โดยจนถึงขณะนี้นายวิรัตน์ได้หลบหนีหมายจับศาลจังหวัดปากพนังในความผิดตามพรบ.อาวุธปืน และความผิดฐานทำร้ายร่างกาย โดยมีผู้เสียหายคือครอบครัวของนายวิรัตน์เองคือภรรยาถูกพ่อตา แม่ยายรวม 7 ชีวิตปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ในค่ายทหารจังหวัดตรังเนื่องจากไม่มั่นใจความปลอดภัย ส่วนบ้านที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นหลังนี้มีน้องชายของนายวิรัตน์ เป็นผู้ดูแลพบว่าบริเวณบ้านถูกติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทุกมุมมากกว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยโดยปกติทั่วไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดภาพวงจรปิด หลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยางละเอียดเพื่อเป็นหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่ภรรยาและครอบครัวของนายวิรัตน์ให้ข้อมูล

               อย่างไรก็ตามมีรายงานการเข้าตรวจค้นบ้านของนายวิรัตน์นั้นอาจเป็นการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับนายวิรัตน์ในคดีพยายามฆ่าอีก 1 คดี สืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวสำคัญในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พันตำรวจโทสมศักดิ์ ธานีรัตน์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ปากพนังพร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปสอบปากคำภรรยาพ่อตาและลูกๆของนายวิรัตน์ที่ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จังหวัดตรัง โดยเฉพาะในประเด็นนายวิรัตน์ใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะภรรยาและลูกโดยเหนี่ยวไกเป็นเกมรัสเซี่ยนรูเล็ต แต่โชคดีที่กระสุนไม่ลั่นซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายพยายามฆ่า แม้ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่มองว่าเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว แต่หลังจากเหตุการณ์กลายเป็นเรื่องใหญ่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกลับมาดำเนินคดีในฐานความผิดนี้ด้วย

               ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าพฤติการณ์ทำร้ายครอบครัวและต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น เมื่อหลายปีก่อนได้เคยมีการร้องต่อพลตำรวจเอกพงศพัศ พงศ์เจริญ เมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.และได้ลงพื้นที่นครศรีธรรมราชติดตามคลี่คลายคดีพนักงานรถไฟเสพยาเสพติและข่มขืนเด็กหญิงผู้โดยสารแล้วโยนลงจากขบวนรถไฟ แต่ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าสอบข้อมูลจากทั้งพ่อตาและครอบครัวของนายวิรัตน์กลับไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความเสื่อมเสีย จนกระทั่งเรื่องเกิดแดงขึ้นอีกครั้งจากการหนีตายของทั้งพ่อตาและครอบครัว

               อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาพลตำรวจตรีวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวตภูธรนครศรีธรรมราช ได้เดนทางไปพลบกับครอบครัวของนายวิรัตน์ที่อาศัยอยู่ในค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จังหวัดตรัง และได้ยืนยันถึงความปลอดภัยที่จะให้พ่อตาและครอบครัวของนายวิรัตน์เดินทางกลับมายังนครศรีธรรมราช แต่ได้รับการปฏิเสธโดยระบุว่าขอให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายวิรัตน์ให้ได้ก่อน ขณะเดียวกันทางครูอาจารย์โรงเรียนมัธยมที่บุตรของนายวิรัตน์กำลังศึกษาอยู่นั้นกำลังพยายามหาทางช่วยเหลือลูกศิษย์ที่จะให้ได้เข้าเรียนได้ทันเนื่องจากจนถึงขณะนี้ได้ขาดเรียนไปกว่า 2 สัปดาห์แล้ว