ระดับน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงและมีสีแดงขุ่น ส่งผลให้ปลานับ 1,000 กระชังเริ่มทยอยตาย เกษตรกรปรับวิธีการเลี้ยง "งดอาหาร" ลดการตาย หลังโคลนติดเหงือก
วันที่ 26 สิงหาคม 2561 เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง หมู่ 7 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ต้องตื่นแต่เช้าและเพิ่มความถี่ในการสำรวจกระชังปลาของตัวเอง เพื่อสังเกตและนับจำนวนปลาว่าตายเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำลำน้ำน่านมีสีแดงขุ่น ส่งผลให้ปลาที่เลี้ยงไว้นับ 1,000 กระชังของเกษตรกรเริ่มทยอยตาย ต้องตักทิ้ง และเร่งตักปลาไม่ได้ขนาดส่งขายราคาถูกให้กับพ่อค้าแม่ค้า
นายสุพจน์ จันทร์รุ่ง เกษตรกรเลี้ยงปลาในประชังตำบลวังกะพี้ กล่าวว่า ฝนตกหนักโดยปริมาณน้ำฝนที่ไหลจากภูเขา และแม่น้ำสาขาท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ทั้งแม่น้ำปาด คลองตรอน มีสีแดงขุ่น ทำให้โคลนเกาะกระชัง ออกซิเจนในน้ำน้อย ตนเลี้ยงปลา 80 กระชัง มีทั้งปลานิล ทับทิม ปลาดุก ปลากด ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด คือ งดให้อาหารปลา 3-7 วัน เนื่องจากเวลาปลากินอาหารจะใช้พลังงานมาก และโคลนจะไปเกาะเหงือกซึ่งทำหน้าที่เหมือนจมูกทำให้ปลาตาย จึงต้องงดให้อาหารปลา ซึ่งปลาสามารถอยู่ได้ และต้องตักปลาวันละ 2 รอบคือ เช้า-บ่าย ที่ออกมาขายในราคาถูกให้พ่อค้าแม่ค้า บางวันออกขายตามตลาดนัด ดีกว่าปล่อยให้ปลาตาย
ทั้งนี้ เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชังท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ต้องปรับวิธีการเลี้ยงเพื่อลดการสูญเสีย ที่สำคัญต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนที่ตก การปล่อยน้ำของเขื่อนสิริกิติ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับปลาที่เลี้ยงไว้ได้ โดยเขื่อนสิริกิติ์ ปล่อยน้ำวันละ 30 ล้าน ลบ.เมตร ทำให้น้ำน่านเพิ่มสูง เกษตรกรต้องลากกระชังเข้าริมฝั่งให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กระแสน้ำพัดกระชังเสียหายจากซากปรังหักพังต่างที่ไหลมากับน้ำ
สำหรับข้อมูลสภาพน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ ขณะนี้ มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำกว่า 7,000 ล้าน ลบ.เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ74 ของความจุอ่าง โดยเป็นน้ำพร้อมใช้งานกว่า 4,234 ล้าน ลบ.เมตร ยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 2,425 ล้าน ลบ.เมตร มีแผนการปล่อยน้ำวันละ 30 ล้าน ลบ.เมตร จากปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 66 ล้าน ลบ.เมตร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง