ข่าว

สัญญาณดี !! "เณรดิว" เริ่มตอบสนอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แพทย์เผย "เณรดิว" เริ่มตอบสนองรับยา แม่เชื่อปาฏิหาริย์มีจริง ตร.นำตัว "อดีตหลวงตา"ฝากขังผัดแรก เจ้าอาวาสชี้ผู้ต้องหาบวชมา10ปีไม่เคยด่างพร้อยคาดสุดทนเหตุเด็กดื้อ

 

              ความคืบหน้ากรณี สามเณรวัฒนพล หรือ เณรดิว อายุ 9 ขวบ ที่บวชภาคฤดูร้อนเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และจำพรรษาอยู่ที่วัดดอนขมิ้น ต.ลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ถูกหลวงตาศุภชัย หรือ นายศภชัย บุญลักขะ อายุ 64 ปี อดีตพระลูกวัดและพี่เป็นพระพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูศัลยกรรม ชั้น 3 ตึกสมเด็จพระญาณสังวร โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมืองกาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา

 

 

 

              จากนั้นวันที่ 19 ส.ค. พ.ต.อ.ประสม หงษ์โต ผกก.สภ.ลูกแก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลูกแก และ ร.ต.อ.อำนาจ จันทร์บุตร รองสารวัตร (สอบสวน)สภ.ลูกแก ร้อยเวรเจ้าของคดี ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน จนกระทั่งทราบว่ผู้ลงมือก่อเหตุนั้นเป็นใคร จึงได้นำตัวมาสอบปากคำ สุดท้ายหลวงตาศุภชัย ก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง จึงนำตัวไปให้เจ้าคณะตำบลลูกแกทำพิธีสึกออกจากความเป็นพระ พร้อมกับดำเนินคดีในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายศุภชัย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุภายในวัด

 

 

              ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(21 ส.ค.61) พ.ต.อ.ประสม หงษ์โต ผกก.สภ.ลูกแก สั่งการให้ ร.ต.อ.อำนาจ จันทร์บุตร รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.ลูกแก ร้อยเวรเจ้าของคดี ให้คุมตัวนายศุภชัย มาฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีผัดแรก จากนั้นจะรวบรวบพยานหลักฐานหลักฐานให้ครบถ้วนเพื่อส่งสำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี พิจารณาในการสั่งฟ้อง หากยังไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งสำนวนให้กับอัยการได้ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการฝากขังในผัดที่ 2 จากทั้งหมด 7 ผัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

 

 

              ทั้งนี้ พ.ต.อ.ประสม หงษ์โต ผกก.สภ.ลูกแก เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายศุภชัย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี แล้ว พร้อมทั้งได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสเอาไว้ก่อน

 

 

              แต่ถ้าหากสามเณรที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังรักษาอยู่ในห้องไอซียูเกิดเสียชีวิตขึ้นมา เจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเสียชีวิตในภายหลัง และจากการตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหาไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นสามเณรเป็นคนนิสัยดื้อรั้นว่ากล่าวตักเตือนอะไรก็ไม่เชื่อ จึงเกิดโมโหและลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายดังกล่าว

 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมืองกาญจนบุรี สามเณรวัฒนพล ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โดยมีนางสุกัญญา ตุ้นฮิ้น นายวัฒนา สีสวัสดิ์ พ่อและแม่พร้อมบรรดาญาติเฝ้ารอดูอาการอยู่ที่หน้าห้องไอซียูด้วยความเป็นห่วง

 

 

              นางสุกัญญา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า วันนี้แพทย์ผู้ดูแลแจ้งให้ทราบว่า อาการของลูกชายเริ่มมีการตอบสนองในการรับยา ภาพรวมอาการดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ทำให้ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีความหวังเพียงแค่ริบหรี่ก็ตาม แต่อย่างน้อยอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับลูกขายของตนก็เป็นได้ และหากลูกชายฟื้นขึ้นมาถึงแม้อาการจะไม่กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม ตนก็จะดูแลเขาอย่างดีที่สุด

 

 

 

              ด้านพระครูสุพัฒน กาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดดอนขมิ้น กล่าวว่า หลวงตาศุภชัย บวชจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 หรือประมาณ 14 ปีมาแล้ว ที่ผ่านมาหลวงตาจะคอยเป็นพระพี่เลี้ยงให้กับสามเณรที่บวชใหม่มาโดยตลอด และไม่เคยมีประวัติทำร้ายสามเณรเช่นนี้มาก่อน จะมีบ้างก็แค่ตีเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกเท่านั้นนอกจากนี้หลวงตาศุภชัย ยังเป็นที่เคารพของชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นครูสอนธรรมมะให้กับเด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆอีกหลายแห่ง

 

 

              สำหรับสามเณรวัฒพล เป็นเด็กที่มีนิสัยดื้อรั้น ชอบเล่นจุดไฟเผา ส่วนฐานะทางบ้านก็ยากจน หาเช้ากินค่ำ พ่อแม่ก็แยกทางกัน ด้วยความยากจนผู้เป็นแม่จึงนำลูกชายที่มีอยู่ 2 คน มาบวชช่วงภาคฤดูร้อนประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนมาบวชแม่ของสามเณรก็บอกกับพระว่าลูกชายมีนิสัยชอบเล่นไฟ แต่พระก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าเป็นเด็ก และที่ผ่านมาสามเณร ได้ก่อเหตุจุดไฟเผาภายในบริเวณวัดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ทางวัดจึงจำเป็นต้องนำถึงดับเพลิงไปติดตั้งเอาไว้ตามจุดต่างๆ

 

 

              ตลอดเวลาที่ผ่านมาสามเณรก็ได้หลวงตาศุภชัย คอยเป็นพระพี่เลี้ยงให้ และคอยว่ากล่าวตักเตือนมาโดยตลอด แต่สามเณรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง จนหลวงตาเริ่มทนไม่ไหว ในที่สุดก่อนเกิดเหตุได้ 2 วัน หลวงตาศุภชัย ก็ได้มาแจ้งกับอาตมาว่า จะไม่ขอเป็นพระพี่เลี้ยงสามเณรอีกต่อไป แต่อาตมาเห็นว่าอีกเพียงแค่ 2 วันสามเณรก็จะสึกแล้ว อาตมาจึงขอให้หลวงตาศุภชัย อดทนเป็นพระพี่เลี้ยงให้อีก 2 วัน แต่สุดท้ายก็มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

 

 

              ซึ่งอาตมาเชื่อว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความโมโหจนทนไม่ไหว อีกทั้งในวันดังกล่าวสามเณรยังได้ด่าทอถึงบุพการีของหลวงตาอีก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินคดีทางด้านกฎหมาย ส่วนอาตมาเองก็จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียหายให้ดีที่สุด

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ