ข่าว

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพจดังโวยผ่านโซเชียลบ้านสุขาวดียังคงทำบันได ปูหญ้าเทียม บนทางฟุตปาธสาธารณะริมทะเล แม้เมืองพัทยาเคยลงพื้นที่สั่งรื้อถอน

               จากกรณีที่มีรายงานว่า ปัจจุบันพื้นที่ทางเท้าฟุตปาธสาธารณะ บริเวณหลังบ้านสุขาวดี ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีแนวติดกับทะเลตลอดความยาวนับร้อยเมตร ซึ่งเมืองพัทยาได้ดำเนินการไปจัดสร้างไว้เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการสัญจร ปรากฏว่า ปัจจุบันมีการนำภาพของพื้นที่ดังกล่าวไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลสังคมออนไลน์

 

 

 

               โดยเป็นภาพที่มีผู้ประกอบการนำพื้นลักษณะเป็นหญ้าเทียมมาปูทับทางเท้าฟุตปาธสาธารณะดังกล่าวไว้ พร้อมการจัดทำบันไดขึ้นลงกินพื้นที่สาธารณะจำนวนหลายจุด จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวกันเป็นอย่างมากว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม และขัดต่อข้อกฎหมายหรือไม่นั้น ซึ่งต่อมาเมืองพัทยาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและให้ดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน โดยให้เจ้าหน้าที่เทศกิจทำการเคลื่อนย้าย พร้อมออกคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางดังกล่าวไปแล้วนั้น

               เพจดังของเมืองพัทยา “PattayaWatchdog” ได้นำภาพทางเดินฟุตปาธดังกล่าวมาเผยแพร่ในเพจอีกครั้ง โดยเป็นภาพที่ยังคงมีสิ่งกีดขวางตามแนวทางเดินเท้าเช่นเดิม พร้อมระบุข้อความว่า สภาพชายหาดหลังบ้านสุขาวดี เช้าวันนี้ (13 สิงหาคม 2561) สวยหรู ดูดี มีหาดส่วนตัว ทำเช่นนี้ริดรอนสิทธิ์สาธารณะหรือไม่? ประชาชน คนทั่วไป ทวงถาม #ทางเดินริมชายหาดหายไปไหน วิงวอน รองนายกเมืองพัทยา คุณวิเชียร พงษ์พานิช อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี กรุณาชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบด้วยค่ะ

 

 

 

 

 

 

               ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายวิเชียร พงษ์พานิช รองนายกเมืองพัทยา ซึ่งได้รับการชี้แจงทางโทรศัพท์ว่า การนำสิ่งของมาวางกีดขวางบนทางเดินเท้าฟุตปาธสาธารณะนั้นถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายของ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ในมาตรา 39 แต่เมื่อมีการร้องเรียนว่ายังคงไม่มีการดำเนินการแก้ไข ก็ได้ส่งเรื่องให้กับสำนักการช่างเมืองพัทยา และสำนักเทศกิจเร่งเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม คงต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ เพียงได้รับแจ้งว่าการแจ้งเอาผิดทางกฎหมายนั้นค่อนข้างลำบาก เนื่องจากทางผู้ประกอบการรายดังกล่าวจดทะเบียนทั้งในลักษณะนิติบุคคล และบุคคล จึงไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้

               แต่ถึงอย่างไร ในวันที่เข้าไปตรวจสอบในวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เมืองพัทยายังได้นำป้ายประกาศขนาดใหญ่เป็นประกาศเมืองพัทยา ระบุข้อความว่า บริเวณที่ดินบางส่วนที่ติดทะเล และได้ให้ทางสำนักงานที่ดินตรวจสอบและรังวัดนั้นเป็นที่สาธารณประโยชน์ โดยผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง เป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ไปแล้ว โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการอุทธรณ์ ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดระยะดังกล่าวและมีผลการพิจารณาแล้ว เมืองพัทยาจะมีการนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นก็จะแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จตามขั้นตอน

               ส่วนปัญหาที่ยังเกิดและคาราคาซังอยู่นี่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักการช่าง และสำนักเทศกิจทำการเฝ้าระวังและไปตรวจสอบ กำกับดูแลให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว แต่เมื่อมีการร้องเรียนมาว่ายังคงไม่มีการรื้อถอนหรือแก้ไข ก็คงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่าเกิดปัญหาอย่างใดขึ้น จากนั้นก็จะมีการสั่งการเพื่อให้เกิดการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไปโดยเร็ว

 

 

 

 

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

 

 

 

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

 

 

 

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

 

 

 

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

 

 

 

โวยหญ้าเทียมทางเท้าริมทะเลยังอยู่แม้เมืองพัทยาสั่งรื้อ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ