ญาติเศร้ารอรับศพ "จ่าแซม" ฮีโร่ถ้ำเขาหลวง

          6 ก.ค.61-ภายหลังข่าวการเสียชีวิตของ จ.อ.สมาน กุนัน อายุ 38 ปี หรือจ่าแซม  อดีตหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษ หรือ หน่วยซีล ของกองทัพเรือ นักจู่โจมใจใต้น้ำนอกราชการที่เสียชีวิตในปฏิบัติการช่วยเหลือ นักเตะทีมหมูป่าอคาเดมี 13 คน  ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 6 ก.ค. ที่บ้านเลขที่  44 หมู่ 3  บ.หนองคู   ต.เมืองหงส์ อ.จตุรพักตร์พิมาน จ.ร้อยเอ็ด บ้านของ จ.อ.สมาน กุนัน เต็มไปด้วยความเศร้าโศก 
         

           ในขณะที่ทางด้าน 5 ภาคส่วนราชการ นำโดย นายธรรมนูญแจ่มใส นาอำเภอจตุรพักตรพิมาน พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ งานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ลงพื้นที่ ปลอบขวัญให้กำลังใจ นายวิชัย กุนัน พ่ออายุ 62 ปี และแม่สำราญ กุนัน อายุ 63 ปี พร้อมด้วยน้าสาวนางสุขใจ บุญเหลี่ยม อายุ 52 ปี ที่กำลังเตรียมสถานที่ รอรับศพ และจากการตกลงประชุมกันตกลงว่าจะเตรียมสถานที่ ตั้งศพ ไว้ที่บริเวณวัดในศาลาวัดบ้านหนองคู เพื่อบำเพ็ญกุศลต่อไป ซึ่งทางญาติกล่าวว่า จะมีการเคลื่อนศพมาถึงในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.)  ที่สนามบินร้อยเอ็ด ก่อนเพื่อกลับมายังหมู่บ้าน ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้

           ทางด้านนางสำราญ กุนัน  แม่ของจ.อ.สมาน  กล่าวว่า ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่คาดคิดว่าจะสูญเสียบุตรชาย ซึ่งตามปกติ จะกลับมาบ้านทุกเดือน เพื่อมาดูแลกิจการ ฟาร์มไก่งวง ที่เลี้ยงไว้ และก่อนบุตรชายเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) เวลา 07.00 น.ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่า กำลังทำหน้าที่ ในการช่วยเหลือ เด็ก 13 คนที่ติดถ้ำ โดยบอกว่า จะกลับมาบ้านตามปกติ ที่เคยกลับเดือนละครั้ง ภายในวันที่ 15 ก.ค. ที่จะถึงนี้ แล้วจะกลับมาขายไก่ งวง ที่ครบกำหนดขาย แล้วจะกลับมา จัดเลี้ยงกินข้าวร่วมกันกับทุกคน ก่อนจะเดินทางกลับไปทำงาน รักษาความสงบเรียบร้อยที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับภรรยาเหมือนเดิม และนอกจากนั้น ยังบอกว่า ได้โอนเงินมาให้แม่ 9,000 บาท เพื่อซื้ออาหารไก่ก่อน หลังจากเสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมา

          ในขณะที่ นาง สุขใจ บุญเหลี่ยม น้าสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คาดไม่ถึงกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุ เมื่อวานนี้ ( 5 ก.ค.) ได้รับโทรศัพท์จากหลานชายว่าได้ ลางาน เดินทางไปตั้งแต่วันศุกร์ เพื่อที่จะไปช่วยชีวิต เด็กที่ติดในถ้ำ โดยไม่ให้ตนเองบอกแม่ และยืนยันว่า จะรีบกลับมาทันทีที่เสร็จภารกิจ โดยไม่คิดว่า การคุยกันในวันนั้นจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่ได้พบกันอีก 
           “รู้สึกเสียใจ แต่ก็ภาคภูมิใจในความเสียสละ ของหลานชาย ที่ชอบช่วยคน และบำเพ็ญ ประโยชน์เพื่อผู้อื่น มาโดยตลอด ในขณะที่ หลังทราบเหตุ ว่าหลานชายเสียชีวิต ก็ได้ให้ญาติ ที่อยู่กรุงเทพฯ และภรรยา เดินทางลงไปรับศพ เพื่อนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยยังไม่ได้กำหนดว่า จะตั้งศพบำเพ็ญกุศล กี่วัน หรือนานเท่าไหร่ ทั้งนี้ จะมีการกำหนดการอีกครั้ง หลังจากรับศพมาถึงบ้านแล้ว จึงจะมีการวางแผน ตกลงกันต่อไป”นางสุขใจ กล่าว