ชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมบุรีรัมย์ ช่วยเหลือตายายกู้เงินนอกระบบ 1.2 แสน เมื่อ 5 ปีก่อน ถูกนายทุนเรียกเก็บทั้งต้นและดอกเบี้ยรวม 4.5 แสน 15 วันไม่จ่าย ขู่ยึดบ้าน
27 มิ.ย. 61 นายศิริวัฒนะ วิชัยรัมย์ ชาวบ้าน บ้านซับอุดม ต.ทุ่งจังหัน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ อาชีพขับรถตู้รับจ้าง นำภาพถ่ายพร้อมคำบอกเล่าจากสองตายายเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาแนวทางช่วยเหลือสองสามีภรรยา ทราบชื่อ นายคำภา อายุ 92 ปี ปัจจุบันหูหนวก และนางทองม้วน อายุ 87 ปี บ้านเลขที่ 169 ม.5 ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์
หลังจากเมื่อ 5 ปีก่อน นายคำภา ผู้เป็นสามี ได้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบจากนายทุน 120,000 บาท นำเงินไปให้ลูก โดยนำโฉนดที่ดินที่เป็นบ้านอาศัยอยู่ปัจจุบันไปค้ำประกันเงินกู้ นายทุนคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 30 บาทต่อปี แต่ต่อมานายทุนมาบอกกับนายคำภา ว่า กู้เงินทั้งหมด 300,000 บาท ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายทุนรายดังกล่าว ได้ส่งหนังสือแจ้งกับ 2 ตายาย ว่า หากไม่นำเงินที่กู้ยืมไปทั้งต้นและดอกเบี้ยรวม 452,375 บาท มาจ่ายภายใน 15 วัน จะยึดบ้านที่นำไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ และจะขับไล่ออกจากบ้าน จากกรณีดังกล่าวจึงอยากให้ทางศูนย์ดำรงธรรมไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาแนวทางช่วยเหลือสองตายายด้วย
“ขับรถตู้รับจ้างผ่านไปเห็นยายนั่งร้องไห้อยู่ที่บ้าน จึงเข้าไปสอบถาม ยายเล่าถึงสาเหตุว่า เมื่อ 5 ปีก่อน สามีกู้ยืมเงินนอกระบบจากนายทุนมา 120,000 บาท ให้ลูกที่กำลังเดือดร้อนไปใช้ พอครบกำหนด 5 ปี ก็มาเรียกเก็บทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูง 450,000 บาท แต่ทั้งสองตายายและลูกไม่มีเงินจ่าย เพราะไม่มีรายได้ ล่าสุด นายทุนได้ส่งหนังสือมาแจ้งสองตายายว่าถ้าไม่นำเงินไปจ่ายภายใน 15 วัน ก็จะยึดบ้านและขับไล่ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารจึงเป็นตัวแทนมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง” นายศิริวัฒนะ กล่าว
นายชุมพล ภูผานิล ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้พร้อมจะประสานไปทางศูนย์ดำรงธรรม อ.หนองกี่ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะข้อมูลเป็นเพียงคำบอกเล่า แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกู้ยืมเงินนอกระบบและเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดจริง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง