ข่าว

เปิดตำนาน!! "ถ้ำหลวงฯ" ขุนคีรี ซากรัก"เจ้าหญิง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดตำนาน!! "ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน"ขุนคีรี"ซากรัก"เจ้าหญิง" โดย..Dr.Niphan C.  วันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เวลา ๒๓.๐๒น.

 

       “ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน”เล่ากันสืบมาว่า เมื่อนานมาแล้ว ณ เมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนา มี “ราชธิดา”องค์หนึ่ง ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่ง แอบรัก กับ “ชายเลี้ยงม้า” ซึ่งเป็นการผิดกฏตาม

 

      โบราณราชประเพณี แต่ด้วยความรักที่มีต่อกัน ทั้งสองได้แอบรักกันมาจนกระทั่ง พระราชธิดาเกิดตั้งครรภ์ เห็นจะปิดความไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงหลบหนีตามกันมา

     พระราชบิดารู้ความเกิดความอับอาย ที่พระราชธิดาใฝ่ต่ำ ก็ส่งทหารไล่ติดตาม

       ทั้งสองระหกระเหินเดินป่า จนถึง ร่มไม้ในที่ราบแห่งหนึ่งริมน้ำโขง ราชธิดาซึ่งทรงพระครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว เสด็จต่อไปไม่ไหว จึงบอกชายคนรักว่าไปต่อไม่ไหว หิว และเหนื่อยอ่อน จะรออยู่ที่นี่ ชายหนุ่มก็บอกนางว่า “ให้รออยู่ที่นี้จะไปหาอาหารมาให้ อย่าเสด็จไปไหน” แล้วชายหนุ่มก็เข้าป่าไปหาอาหาร

 

      กองทหารเชียงรุ้งตามมาทัน เห็นชายเลี้ยงม้าในป่า ก็เข้ากลุ้มรุมฟันแทง จนตายอยู่กับที่

        ฝ่าย“พระราชธิดา” รอชายคนรัก จนเย็นมืดค่ำก็ไม่เห็นกลับมา ชะแง้เก้อชะเง้อคอยอยู่นานก็เห็นกองทหารของพระราชบิดาออกมาจากชายป่า เข้าล้อมพระราชธิดาไว้ แล้วทูลเชิญกลับไปยัง “นครเชียงรุ้ง” พระราชธิดาตระหนกตกใจ และสังหรณ์ ว่า ชายคนรักจักเป็นอันตรายเสียแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจ ตรัสถามทหารว่า เห็นชายหนุ่มหรือไม่ ทหารก็ทูลตอบว่า ได้ฆ่าตายเสียแล้ว

 

       เมื่อทรงทราบดังนั้น พระราชธิดาทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ทรงกรรแสงคร่ำครวญเกลือกกลิ้งอยู่กลับพื้น และใคร่ครวญก็เห็นว่าคนรักได้ตายจากไปแล้ว จะเสด็จกลับนครเชียงรุ้ง ก็คงถูกราชอาชญาสาหัส อีกทั้ง ทรงครรภ์กับชายเลี้ยงม้า ชาวเมืองคงจะดูแคลนเล่นไปจนตลอดพระชนม์

 

      เมื่อได้สติจึงตั้งสัจจะอธิษฐาน เอาความรักอันบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง ดึงปิ่นที่ปักผมออกมา แทงขมับของพระองค์เอง จนโลหิตไหลออกมาเป็นสาย และสิ้นพระชนม์อยู่ตรงนั้น

      “สายพระโลหิตที่หลั่งไหลออกมา” ได้กลายมาเป็น “ต้นแม่น้ำแม่สาย” ในทุกวันนี้

       ส่วน“พระวรกายของพระราชธิดาที่นอนเหยียดยาวจากใต้จรดเหนือ” ก็กลายเป็น “ดอยนางนอน” จวบจนทุกวันนี้

      “อิตถีเพศของพระนาง” กลายเป็น “ถ้ำหลวง”

       ส่วนของ “พระอุทรที่ทรงครรภ์” ก็เป็น“ดอยตุง”

       ส่วนที่เป็น“พระเศียร” กลายเป็น “ดอยท่า” (ปัจจุบันเรียก“ดอยจ้อง”)

       “พระถัน” กลายเป็นดอยอีกลูกหนึ่งขึ้นมา เรียกว่า “ดอยแม่ย่า”

 

     

     

        ในน ตำนานลาวจก” จากพงศาวดาร “ลาวเฉียง” เล่าว่า ปู่เจ้าลาวจกเทวบุตร ก่ายบันไดเงิน ลงมาจากสวรรค์ และต่อมาได้สร้าง“ตุงใหญ่” ขึ้นปักบนดอย จึงเรียกดอยนั้นว่า“ดอยตุง”

 

       ส่วนดอยที่เกิดจากพระถันนั้น ยอดพระถันเป็นที่อยู่ ของ ชายาปู่เจ้าลาวจก จึงเรียกว่า “ดอยแม่ย่า”

   

       ส่วนดอยที่เกิดจากพระเศียร เป็น “ดอยที่ราชโอรสปู่เจ้าลาวจกคอยพ่อ” จึงเรียกว่า“ดอยท่า”

        เชื่อกันว่า “ดอยทั้ง ๓ ในเทือกเขานางนอน นี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์ลาวจักราช ต้นวงศ์ของพญาเม็งราย (มังราย) ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดง เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยตุง ถือเป็น ปฐมธาตุแห่งแรกของล้านนาประเทศ”

       เด็กๆ ทีมฟุตบอลและโค้ช รวม ๑๓ คน ที่หลงเข้าไปในถ้ำหลวงหลายวันแล้ว

        ขอวอนต่อพระราชธิดาองค์นั้น โปรดช่วยดูแลและส่งคืนเด็กๆ กลับสู่ครอบครัวของเขาด้วย

         เจ้าป่าเจ้าเขาที่ได้เป็นใหญ่ก็คงเป็นเพราะมีความเมตตากรุณา

         พวก “บังบด” ในป่าเขา ก็นับว่า มีศีลมีธรรม

        ขอให้ช่วยกันพาเด็กๆ ออกมาส่งคืนอย่างปลอดภัยด้วยเถิด อย่าได้ทำอันตรายพวกเขาก่อเวรก่อกรรมต่อกันอีกเลย

        “ตำนานพระธิดาแห่งนครเชียงรุ้ง” นี้ เศร้าและร้าวรานใจนัก อย่างไรก็ตาม ปาฏิหารย์ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ หากมิใช่สังโยชน์ ร้อยรัด ที่ผูกข้ามภพข้ามชาติต่อกัน

         “ขอโปรดเมตตาเด็กเหล่านั้น ให้กลับมาสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัยด้วยเถิด”

   ขอบคุณที่มา...Dr.Niphan C.

  วันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เวลา ๒๓.๐๒น.

---**----

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ