หนุ่มเครียดไม่มีงานทำวิ่งให้รถไฟชนดับสยอง

          26 พ.ค.61-บุรีรัมย์สลดหนุ่มวัย 36 เครียดไม่มีงานทำวิ่งให้รถไฟพุ่งชนเต็มแรงร่างกระเด็นดับสยอง แม่เผยลูกชายบ่นเครียดเรื่องงานบอกอยากตายหลายครั้งแต่ไม่คิดลูกจะทำจริง ขณะชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่านาทีระทึก ผู้ตายมาขอกินน้ำแล้วบอกว่าจะไปหาแฟนให้ช่วยบอกแม่ให้ด้วยแล้วก็วิ่งให้รถไฟชนทันที

          ร.ต.อ.ปรฉัตร รักษาวงษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกรถไฟชนเสียชีวิตที่บ้านบัลลังก์น้อย ต.หนองตาด อ.เมืองบุรีรัมย์ จึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากกำลังยืนมุงดูศพของนายอเนก แก้วกล่ำ อายุ 36 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณทุ่งหญ้าข้างรางรถไฟ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟหนองตาดประมาณ 1 กิโลเมตร ในสภาพสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นและเสื้อยีน กระดูกแขนขาหัก ลำตัวบิดเบี้ยวผิดรูป ใบหน้าศรีษะแตกเลือดไหลนองเต็มพื้นซึ่งเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ใกล้ศพพบรองเท้าเตะ 1 ข้าง และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องในสภาพแตกเสียหายคาดว่าเป็นของผู้ตาย
            จากการสอบถามนางบุญส่ง จันทร์เวียง อายุ 53 ปี ชาวบ้านบัลลังก์น้อยที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะทำนาอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเห็นนายอเนก เดินมาขอน้ำกินท่าทางรุกลี้รุกรนเหมือนกับรีบร้อน หลังจากกินน้ำหมดไป 1 ขวด นายอเนก ก็บอกกับตนว่า “จะไปหาแฟนฝากบอกแม่ให้ด้วย” ซึ่งจังหวะนั้นได้มีรถไฟสายอุบล – นครราชสีมา วิ่งผ่านมาพอดี ซึ่งยังพูดคุยกันไม่ทันจะรู้เรื่อง นายเอนก ก็รีบวิ่งไปหารถไฟแล้วกระโดดให้รถไฟชนจนร่างกระเด็นเสียชีวิต สร้างความตื่นตกใจให้กับตนเองเป็นอย่างมาก จนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่านายอเนกจะทำแบบนั้น พอได้สติหลังจากนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
            ทางด้านนางเฉลิม คะเลารัมย์ อายุ 64 ปี แม่ผู้ตาย เล่าว่า ลูกชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไปแต่ระยะหลังไม่ค่อยมีงานให้ทำ ลูกชายจึงชอบดื่มเหล้าแล้วจะบ่นหรือตัดพ้อว่าไม่มีงานไม่มีเงินใช้ แล้วจะชอบพูดบ่อยครั้งว่าอยากตายไม่อยากอยู่แล้ว ซึ่งตนเองก็คิดว่าลูกชายอาจจะพูดไปเพราะความเครียดหรือน้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าลูกจะคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างที่เคยพูด ก็รู้สึกเสียใจที่ลูกทำแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
            เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้หน่วยกู้ภัยฯ นำส่งไปตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ก่อนจะมอบให้ญาตินำกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป