
ท่องศูนย์นครพนมรู้จัก'นพ1.'ลิ้นจี่พันธุ์ใหม่
ท่องศูนย์นครพนมรู้จัก'นพ1.'ลิ้นจี่พันธุ์ใหม่-ปลูกดีถิ่นอีสาน : คอลัมน์ท่องโลกเกษตร : โดย...กวินทรา ใจซื่อ
ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี พบเห็นปลูกกันมากตามพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากมีความเหมาะสมทั้งสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ปัจจุบันพบว่าลิ้นจี่ไม่ได้ปลูกเฉพาะทางภาคเหนือเท่านั้น แต่มีกระจายพันธุ์ปลูกในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน ทั้งนครพนม เลย นครราชสีมา หนองคาย
ท่องโลกเกษตรสัปดาห์นี้ จึงนำทุกท่านไปรู้จักกับ ลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 ที่ นางนิยม ไข่มุกข์ นักวิชาการโรคพืช ชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์ลิ้นจี่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่าในภาคอีสาน พบว่าพันธุ์นครพนม 1 หรือ นพ.1 ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด เป็นพันธุ์ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด
"จากการลงพื้นที่บ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม ปี 2533 ของนายชำนาญ กสิบาล นักวิชาการ 5 สมัยนั้น ปัจจุบันเป็น ผอ.ศูนย์วิจัย ที่พบลิ้นจี่ นพ.1 ในบ้านของนายอวน-นางสว่าง สุทธิโสม มีลักษณะเด่น ทั้งรสชาติ ขนาดผล และปลูกในดินอีสานได้ดี เมื่อเข้าไปสอบถามก็ทราบว่าได้นำเมล็ดมาจากหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม เพราะเมื่อหลวงปู่ได้ฉันแล้วพบว่ารสชาติดี จึงให้ญาติโยมนำเมล็ดไปปลูก ซึ่งนายอวนก็ได้รับแจกด้วย" นางนิยม เล่าถึงที่มา
พร้อมระบุว่า ปี 2533-35 นายชำนาญ ได้ขยายพันธุ์นำมาปลูกเปรียบเทียบ และคัดเลือกพันธุ์ตามโครงการวิจัยและกระจายพันธุ์ในขณะนั้น พบว่า ลิ้นจี่นครพนม 1 (นพ.1) เหมาะที่จะปลูกในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงนำเสนอให้เป็นพันธุ์แนะนำ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรในหมู่บ้านปลูกเป็นอาชีพ เพราะสภาพดินและน้ำดี อุณหภูมิเหมาะสม ต่อมาตนเองจึงได้นำงานวิจัยมาต่อยอด ศึกษาเรื่องผลกระทบด้านอุณหภูมิ สภาพภูมิประเทศ ที่ส่งต่อการออกดอกและติดผล
“ผลการวิจัยลิ้นจี่ นพ.1 มีลักษณะเฉพาะถิ่นที่โดดเด่นคือ ผลดก ลูกโต เปลือกสีแดงสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว กรอบ เนื้อแห้ง ที่สำคัญปลูกได้ในภาคอีสาน หากเทียบกับพันธุ์ที่ปลูกในภาคเหนืออย่างฮงฮวย กิมเจ็ง และจักรพรรดิ พบว่าจะไม่ติดผลเนื่องจากพันธุ์เหล่านี้ในช่วงพักตัวเตรียมแทงช่อดอกนั้น อุณหภูมิต้องลดต่ำที่ราว 10 องศาเซลเซียล ขณะที่พันธุ์ นพ.1 สามารถแทงช่อดอกได้ดีที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส หากมีสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งติดลูกมาก” นางนิยม เล่า
ทว่า เพื่อเปิดประตูความรู้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ทางศูนย์จึงเปิดโอกาสให้เข้ามีส่วนร่วมในการทดสอบเทคโนโลยีการผลิตลิ้นจี่ นพ.1 เพื่อเพิ่มผลผลิต โดยศูนย์ได้ทดลองร่วมแปลงทดสอบเกษตรกร ต.ขามเฒ่า เริ่มจากแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ทดสอบโดยวิธีของศูนย์วิจัยและวิธีของเกษตรกร ทั้งเรื่องการใส่ปุ๋ยก่อนและหลังการเก็บผลผลิต การตัดแต่งกิ่ง
สำหรับวิธีการวิจัยของศูนย์ เริ่มจากหลังเก็บผลผลิตให้ใส่ปุ๋ยคอก 50 กก./ต้น และปุ๋ยสูตร 15-5-20 และ 21-0-0 สัดส่วน 2 ต่อ 1 อัตรา 2-3 กก./ต้น ในช่วงดอกเริ่มบาน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา 1-3 กก./ต้น ช่วงเริ่มติดผลใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 สูตร 46-0-0 อัตรา 2-3 กก./ต้น ช่วงผลเล็กพ่นปุ๋ยทางใบสูตร 13-0-46 พ่น 3 ครั้ง ทุก 10 วัน ทดสอบต่อเนื่อง 3 ปี พบว่าการเจริญเติบโต ขนาดทรงพุ่ม ความสูงเพิ่มขึ้น ผลผลิตที่ได้สูงกว่าวิธีของเกษตรเฉลี่ย 233 กก.น้ำหนักผลโตกว่าเฉลี่ย 2 กรัม จำนวนผลต่อช่อติดผลมาก และความหวานสูงกว่า
“ให้เกษตรกรได้เปรียบเทียบถึงวิธีทั้งสองแบบ เพื่อให้นำมาใช้ในพื้นที่ปลูก อาทิ แนะนำเกษตรกร ตัดแต่งกิ่งก่อนฤดูแทงช่อดอก ให้ปุ๋ยเหมาะสมกับช่วงฤดูทั้งทางต้น ใบ ดอก ผล เพื่อให้ผลผลิตติดดีขึ้น โดยหนึ่งปีหากผลผลิตติด 1 ตันต่อไร่ถือว่าคุ้มกับการลงทุน ปัจจุบันราคาขาย นพ.1 หน้าสวนอยู่ที่ 60-80 บาท ทว่า ด้วย นพ 1.จะแทงช่อดอกธันวาคม และเก็บขายเมษายน นับเป็นการเก็บผลผลิตได้ก่อนภาคเหนือ จึงทำให้ขายได้ราคาดี และเป็นที่ต้องการของตลาด”
สำหรับเกษตรกรที่สนใจปลูกลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 ควรเริ่มจากปรับพื้นที่ ระยะห่างในการปลูก 6x6 เมตร หรือหากต้องการบังคับทรงพุ่มให้มีระยะห่างที่ 5x5 เมตร ขุดหลุมลึกประมาณ 50 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยสูตร 15-15-15 คลุกให้เข้ากัน ซึ่งการปลูกนี้ควรทำช่วงต้นฤดูฝนเพื่อให้กิ่งได้น้ำสม่ำเสมอ จากนั้น 3 ปีจึงให้ผลผลิต อีกทั้ง สังเกตว่ากิ่งพันธุ์ด้านทิศตะวันตกที่ไม่โดนแสงอาทิตย์ทำให้ไม่ติดผล นางนิยมจึงมีแผนวิจัยปัจจัยอุณหภูมิที่มีผลต่อการติดผลของลิ้นจี่ คาดจะดำเนินงานได้ปี 2557 นี้
“การตลาดไม่มีปัญหาเพราะผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ช่วงมีนาคมถึงเมษายน จึงไม่ชนกับผลผลิตของทางภาคเหนือ อีกทั้ง มีคุณภาพดี ผลใหญ่ 30-35 ผล/กก.ที่ผ่านมาไม่พอจำหน่าย มีพ่อค้าจากปากช่อง มุกดาหาร จองเหมาสวน เพื่อส่งไปขายยังประเทศจีน ซึ่งแต่ละปีมีความต้องการ 20-30 ตัน แต่เกษตรกรผลิตได้เพียง 10 ตันเท่านั้น” นางนิยม แจง
พร้อมฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ ให้สอบถามรายละเอียดการปลูก ดูแลรวมถึงซื้อกิ่งพันธุ์ได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร นครพนม ที่โทรศัพท์ 0-4253-2586
................................................
(ท่องศูนย์นครพนมรู้จัก'นพ1.'ลิ้นจี่พันธุ์ใหม่-ปลูกดีถิ่นอีสาน : คอลัมน์ท่องโลกเกษตร : โดย...กวินทรา ใจซื่อ )