ข่าว

จุฬาฯจัดถกชู10เทรนด์อนาคตเมืองกรุง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จุฬาฯจัดเสวนาวาระกรุงเทพฯ ชู 10 เทรนด์นโยบายอนาคตเมืองกรุง หนุนใช้สังคมออนไลน์-กลไกเครือข่าย สานแนวคิดพัฒนาเมือง

               วันที่ 12 ธ.ค. 2555 เมื่อเวลา 13.50น. ที่อาคารศศนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสวนามีการนำเสนอ 10 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง กทม. ในทศวรรษหน้า ภายหลังบริษัทสยาม อินเทลลิเจนท์ ยูนิต ได้ดำเนินการร่วมกับโนวิสเคป คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิฟรีดริช เนามัน ทำโครงการวาระกรุงเทพฯ โดยจัดเวทีแลกเปลี่ยน วิเคราะห์ข้อมูล และสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2555 จนสามารถเกิด 10 เทรนด์ นโยบายพัฒนากรุงเทพฯในอนาคต ประกอบด้วย 1.เมืองมหานครแห่งเออีซี กรุงเทพฯจะก้าวสู่มหานครประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2.แรงงานรุ่นใหม่ กรุงเทพฯกำลังกลายเป็นเมืองคนชราผสมกับคนหลากหลายเชื้อชาติ จนทำให้เกิดแรงงานคนชรา

               3.อาชญากรรมอุบัติใหม่ กรุงเทพฯจะกลายเป็นพื้นที่สังคมโลกไซเบอร์ขึ้นมาทับซ้อนโลกในความจริง 4.ความหลากหลายทางเพศ กรุงเทพฯจะกลายเป็นเมืองในฝันของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ 5.สิทธิอุบัติใหม่ กรุงเทพฯต้องทำหน้าที่สนับสนุนการใช้สิทธิพลเมือง 6.อัตลักษณ์กรุงเทพฯ กรุงเทพฯจะลายเป็นศูนย์กลางภูมิภาคทั้งคนไทยและต่างชาติ 7.พื้นที่ทั่วถึง กรุงเทพฯกำลังจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีความหลากหลายมากกว่าพื้นที่ทางกายภาพ 8.ผู้นำรอบด้าน บทบาทผู้ว่าฯกทม.จะเปลี่ยนแปลงไปในภาวะผู้นำสร้างสรรค์ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงรูปแบบนวัตกรรมเมือง 9.สังคมคาร์บอนต่ำ กรุงเทพฯจะถูกจัดอันดับ 1 ใน 20 เมืองท่าที่เผชิญความเสี่ยงจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และ 10.ศิลปะเพื่อทุกคน กรุงเทพฯจะสร้างโอกาสสังคมในการเสพศิลปะ

               นายสุเทพ พรหมวาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ 'การเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับความคาดหวัง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง' ในงานโครงการวาระกทม. 2012 นับถอยหลังวาระผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ว่า ขณะนี้ กกต. ได้เตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ภายหลังผู้ว่าฯกทม.ปัจจุบันหมดวาระวันที่ 10 ม.ค.2556 ทั้งความพร้อมในการสรรหากรรมการท้องถิ่น การเตรียมงบประมาณ การจัดบุคคลเข้าไปดำเนินการ โดยส่วนหนึ่งมีหลายประเทศแสดงความจำนงค์จะมาดูการจัดการเลือกตั้งในกทม.ครั้งนี้ กกต.หวังว่าประชาชนจะเลือกบุคคลที่เข้ามาบริหารกรุงเทพ โดยพิจารณาในเรื่องความชอบธรรม ความเหมาะสม มีอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจน มีคุณภาพเรื่องจิตใจ มีคุณธรรมจริยะธรรม มีความสามารถ สุดท้ายต้องรู้จักการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดให้ได้

               นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การสร้างอำนาจอธิปไตยต้องสร้างการมีส่วนร่วมในทุกกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ไม่เว้นกลุ่มชายแดน กลุ่มคนชายขอบ หรือกลุ่มคนพิการ โดยใช้หลักเสียงข้างมากต้องรับฟังเสียงข้างน้อย ซึ่งความคาดหวังของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือผู้ได้รับการเลือกตั้ง กกต.หวังว่าจะเป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม และให้ประชาชนตื่นรู้ เพื่อให้มีประชาชนได้เข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้งโดยเป้าหมายครั้งนี้อยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ จากครั้งก่อนมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีการขอให้เครือข่ายช่วยสนับสนุนกระบวนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ การปกครอบในระบอบประชาธิปไตยยังมีความเห็นที่หลากหลาย กกต.มีความพยายามปรับองศาตามหลักประชาธิปไตยสากล ที่สำคัญต้องให้ความรู้เรื่องการปกครอง และสร้างการมีส่วนร่วมในทางการเมือง การปกครอง โดยเฉพาะมีกิจกรรมการแสดงออกในการเลือกตั้ง

               จากนั้นนายพีระพงศ์ ศิริเกษม ผู้อำนวยการกองสารสนเทศภูมิศาสตร์ กทม. กล่าวเสวนาหัวข้อ 'วาระกทม.กับอนาคตประเทศไทย' ว่า กทม.ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ประกอบด้วย 1.ต้องรองรับการกระจายอำนาจจากรัฐบาลสู่ท้องถิ่น 2.ต้องเผชิญสภาวะรายได้ไม่พอกับรายจ่่าย 3.ต้องรับมือกับการแสดงออกของสังคมรุนแรงมากขึ้น 4.ต้องเผชิญกับภัยพิบัติใหม่ๆ 5.ต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โลก 6.การเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 7.การปฎิรูปองค์กรและการบริหารให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน กทม.ยังมีแผนบริหารราชการระยะยาวในการพัฒนากรุงเทพฯ 12 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2563 ซึ่งขณะนี้ในช่วงแรกปี 2552-2555 ได้ดำเนินการเสร็จไปแล้ว

               'นอกจากนี้ กทม.ยังมีแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กทม.ได้วาวแผนไว้ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2576 โดยปรับตัวมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ อนาคต กทม.อยากจะมีฟรีไวไฟ หรือข้อมูลพื้นที่ของกรุงเทพฯเพื่อรองรับการใช้บริการโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของประชาชนได้' นายพีระพงศ์ กล่าว

               ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า 'จะทำอย่างไรให้แนวคิดการพัฒนากรุงเทพฯเกิดขึ้นได้จริง กลไกต่างๆต้องตื่นตัวไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น วิธีแบบนี้ต้องทำให้มากโดยเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจงานพัฒนาแต่ละประเภทเข้ามาร่วมมือ อาทิ หอศิลป์ กทม.ก็เกิดขึ้นจากกลุ่มเครือข่ายด้านงานศิลปะ มาเสนอกับตนในช่วงรับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. หอศิลป์กทม.จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้ว่าฯกทม.โดยตรง นอกจากนี้ อยากให้มีการประเมินแนวทางพัฒนาจากประเทศเกาหลีใต้จากประเทศที่มีอุตสาหกรรมหนักมาพัฒนาประเทศด้านเทคโนโลยี หากสามารถเก็บข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนเป็นระบบทั้งระบบขนส่ง ระบบการสื่อสาร ระบบการศึกษา เป็นต้น จึงหวังว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หวังว่าตัวแทนพรรคการเมือง หรือผู้สมัครอิสระจะนำแนวคิด 10 เทรนด์ไปใช้และขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง'

               "กรอบข้อจำกัดของผู้ว่าฯกทม.มีอย่างจำกัด โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ หากจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ได้เป็นเรื่องที่ยากมากแต่ถ้าผู้ว่าฯกทม.สามารถฉีกนอกกรอบ และประสานกับเอกชนก็จะสามารถช่วยพัฒนากรุงเทพฯในหลายด้าน ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ เพื่อพัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองชั้นนำของอาเซียน"นายอภิรักษ์กล่าว

              ขณะที่นายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยฟลัดย์ และเว็บไซต์กระปุกดอทคอม กล่าวว่า จะทำอย่างไรที่จะส่งเนื้อหานี้ออกไปให้คนกรุงเทพฯได้ นอกจากเรื่องปัญหารถติดและปัญหาน้ำท่วมที่คนกรุงเทพฯจะสนใจอย่างมาก วันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวาระกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม หากกรุงเทพฯไม่มีการวางโครงสร้างพื้นที่ไว้อาจจะให้การเคลื่อนเคลื่อนข้อมูลทำได้ยาก

.....................................................................
( หมายเหตุ : ภาพจาก http://loei.nfe.go.th และ http://blog.compete.com )

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ