ธุรกิจเคเบิลทีวี-ทีวีดาวเทียมโตกระโดด ฝากการบ้าน กสทช. กำกับดูแลสัญญาให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค เปิดโอกาสให้คนดูได้ทั่วถึงเท่าเทียม ชี้แย่งกันซื้อลิขสิทธิ์รายการดังเมืองนอก ดันราคาค่าสมาชิกสูงกว่าประเทศอื่น
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคม (สบท.) และบริษัทสยามอินเทลลิเจนซ์ยูนิต ได้จัดเสวนาเรื่อง "ทิศทางกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวีในยุค กสทช." โดยนายต่อพงศ์ เสลานนท์ กรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีผู้ชมอยู่ที่ 50% ของจำนวนครัวเรือนในประเทศไทย เช่นเดียวกับผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมเพิ่มขึ้นเป็น 300-400 ช่อง และเคเบิลทีวีอยู่ที่ 500 ราย
ทั้งนี้ ในการกำกับดูแล กสทช.จะต้องเข้ามาดูแลเรื่องหลักๆ ได้แก่ สัญญาที่ผู้ให้บริการเสนอกับผู้บริโภคว่าเป็นธรรมและเป็นไปตามสัญญาหรือไม่, การควบคุมดูแลเนื้อหารายการให้มีคุณภาพ และการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีโอกาสรับชมรายการโดยทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล อุปนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันในธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมสูงมาก โดยมีการแย่งซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาค่าสมาชิกรายเดือนรายการดังๆ จากต่างประเทศของผู้บริโภคไทยขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ไต้หวันอยู่ที่เดือนละ 500 บาทต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องการให้ กสทช.เข้ามาดูแลการซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ ด้วยการจัดตั้งหน่วยงานกลางในการซื้อลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ กสทช.ควรเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อให้เกิดการรวมตัว เช่น การรวมตัวซื้อคอนเทนท์ จัดตั้งสถานีส่งสัญญาณ เพื่อลดต้นทุน รวมทั้งสนับสนุนเงินทุนในการผลิตรายการสาระประโยชน์ เช่น สถานีข่าวท้องถิ่น เพื่อให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรง และเป็นสื่อชุมชนอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง