Lifestyle

“มากกว่ารัก...จากวีรบุรุษยะลา” จากโครงเรื่องจริงทหารหาญชายแดนใต้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ ช่วงนี้จึงเห็นหลายหน่วยงาน รวมทั้งดารา-เซเลบช่วยกันขายดอกป๊อปปี้กันเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่อยากจะทราบชีวิตที่แท้จริงของทหารกล้าเหล่านั้น สำนักพิมพ์อนิเมทกรุ๊ป ได้จัดพิมพ์หนังสือ ที่มีเค้าโครงชีวิตจริงของรั้วของชาตมาให้ได้อ่านกั

  “มากกว่ารัก...จากวีรบุรุษยะลา” เป็นชื่อหนังสือ ของ ณ เสนา อรุโณทัย ที่ผูกร้อยเรียบเรียง เรื่องราวต่างๆ ของชีวิตเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอ้างอิงจากเหตุการณ์และบุคคลที่เคยมีชีวิตอยู่จริง รวมถึงวีรบุรุษที่ยังมีลมหายใจอยู่

 เล่มนี้จึงเป็นเหมือนสารคดีที่เล่าผ่านตัวละคร เพื่อสื่อให้เห็นชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะชีวิตและอุดมการณ์ของตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจหญิง และทหาร ซึ่งผู้เขียนตั้งใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเชิดชู ยกย่อง และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่ปกป้องแผ่นดินนี้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต

 เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดในรูปแบบนวนิยาย เพื่อสร้างความผูกพันกับตัวละคร ชวนให้สนุก น่าติดตาม แม้ตัวละครบางท่านในเรื่องจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมาย แต่ผู้เขียนได้ลงพื้นที่เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับตำรวจตระเวนชายแดน ที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เป็นระยะเวลากว่าสองเดือน เพราะต้องการสื่อความเป็น “เจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ” ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

 นอกจากเนื้อหาอันเข้มข้นแล้ว ผู้เขียนยังแฝงภาพให้สามารถจินตนาการเห็นถึง “ความสวยงามที่ซ่อนอยู่”   ทั้งธรรมชาติ ศาสนสถาน และสถานที่สำคัญในดินแดนปลายสุดด้ามขวานทองของสยามประเทศ ผู้อ่านจะได้ท่องเที่ยวไปในดินแดนอันสวยงามที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่สีแดง เช่น ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง นกเงือกแห่งป่าฮาลาบาลา อีกทั้งได้สัมผัสความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของพี่น้องชาวมุสลิมและชาวไทยพุทธที่เขื่อนบางลาง รวมไปถึงการได้เห็นภาพการทำงาน เช่น การปิดล้อม การสนธิกำลังระหว่างหน่วยต่างๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ และการสูญเสียเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ได้บันทึกภาพไว้เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่ร่างจะสลายไปในอากาศ

 เนื้อหาในหนังสือยังมีทั้งการสอดแทรกปรัชญาความคิดทางพุทธศาสนา ศิลปการป้องกันตัว ยุทธวิธีการรบ การผจญภัย และความรักระหว่าง ส.ต.ท.นิรันดร์ ชาญปรีชา ตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่ม กับ นางสาวมายูมิ ชิมามูระ ลูกสาวประธานบริษัทญี่ปุ่น บรรรษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้ที่จะนำผู้อ่านไปในเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทั้งสองได้รู้เห็น ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านได้ทราบว่า “ยะลา” มีความสำคัญอย่างไรในแหลมมลายู และผืนแผ่นดินที่สวยงามแห่งนี้มีผลอย่างไรต่อความมั่นคงของประเทศชาติ

 ณ เสนา อรุโณทัย ผู้เขียน เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนว่า
 “ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ใช้ โซเชียล มีเดีย ในการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนที่เมืองไทย ทำให้ได้มีโอกาสรู้จักเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คนหนึ่ง เราก็ให้กำลังใจเขาเหมือนคนอื่นๆ แต่คำตอบที่ได้จากนายตำรวจผู้นี้คือ...

 ‘พี่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ พวกผมจะปกป้องผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ด้วยชีวิตครับ’ ...สร้างความตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เราทราบว่านักรบชายแดนใต้ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก ในการถือปืนดูแลปกป้องชาวบ้านจากผู้ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งถ้าพลาดหมายถึงทุพพลภาพหรือเสียชีวิต จึงอยากรู้ว่า ถ้าเราแอบให้ชีวิตแบบที่เขาให้เราบ้างจะเป็นอย่างไร อีกทั้งอยากทำอะไรเพื่อแผ่นดินผืนนี้ด้วย จึงเดินทางไปในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ทันที การใช้ชีวิตที่นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น การลงพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่เพื่อเก็บข้อมูล แต่เราลงไปเพื่อเก็บหัวใจแล้วถ่ายทอดออกมาด้วยหัวใจเช่นกัน”

 ส่วน พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าจากข้อมูลเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายแล้วกว่าหมื่นเหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิตสี่พันกว่าคนทั้งเจ้าหน้าที่ พระสงฆ์ และประชาชน ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอย่างมากมายมหาศาล ต้องขอขอบผู้เขียน ที่ทำเพื่อเป็นกำลังใจและเชิดชูเกียรติตำรวจตระเวนชายแดน

 "ผมเคยเป็นปฏิบัติหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน จึงทราบว่าการทำงานเสี่ยงภัยต้องการกำลังใจมาก คิดว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นสิ่งแทนกำลังใจจากประชาชน ถ้าเรามีกำลังใจแล้ว แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตหรือแขนขาดขาขาดเราก็ยอม”

 ย้อนไปเมื่อต้นปี 2550 ข่าวการได้รับบาดเจ็บของ พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ ผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 9 ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก หลังจากที่ พล.ต.ต.นพดล ย่ำลงไปบนระเบิดกับดัก ขณะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในจังหวัดนราธิวาส แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านต้องเสี่ยงอันตรายและประสบเคราะห์กรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ เพราะก่อนหน้านี้ท่านถูกรุมทำร้าย ขณะที่เข้าไปช่วยตำรวจตระเวนชายแดน 2 นายที่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็น ‘โจรนินจา’ จนตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคำว่า ‘โจรนินจา’ นี้ก็เป็นสิ่งสะท้อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย

 “โจรนินจา เป็นเรื่องเล่าขานกัน ซึ่งมิได้มีตัวตนอยู่จริง ตอนนั้นผมปฏิบัติหน้าที่อำเภออยู่ระแงะ ตำรวจตระเวนชายแดน 2 นาย ถูกปล่อยข่าวลือเป็นโจรนินทา จนกระทั่งโดนรุมทำร้าย ทำให้ตำรวจตระเวนชายแดนทั้ง 2 นายเสียชีวิต ส่วนผมโดนทำร้ายจนสลบไป มาทราบในภายหลังว่าคนนอกพื้นที่เป็นผู้ก่อเหตุ ผู้เขียนได้หยิบยกเอาเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาสอดแทรกอยู่ในหนังสือด้วย เล่มนี้จึงสะท้อนทุกบทบาทของเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละที่อยู่ในพื้นที่อันตรายและไม่สามารถชีวิตอย่างปกติสุขได้ ประชาชนจะทราบว่าเราทำอะไรกันอยู่ และเราก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ แม้ต้องเสียสละชีวิตก็ยอม”

 ด้าน พ.ต.อ.พยุหะ บุษบงค์ ผู้กำกับการ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 และ 44 กล่าวว่า “สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่อันตรายแต่ไม่น่ากลัว เพราะพวกเราทำหน้าที่เกี่ยวกับความตายมาโดยตลอด หลายปีแล้วที่เราไม่รู้จักวันลอยกระทงหรือเทศกาลปีใหม่ เพราะปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา อาจจะเรียกได้ว่ามากกว่าหน้าที่เพราะเราทำด้วยใจ ทุกวันนี้ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง เราก็มักจะทำความน่ากลัวให้ไม่น่ากลัว ทำความเครียดให้กลายเป็นของสนุก จึงไม่ใช่นิยาย แต่เป็นเหมือนสารคดีอิงเรื่องจริง ทำให้คิดถึงวีรบุรุษที่จากไป ทั้งยังเป็นกำลังใจให้แก่วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย” 

 ความรู้สึกของ บรรณาธิการบริหาร สมพงษ์ ธารมรรค บอกถึงการจัดพิมพ์นวนิยายเล่มแรกว่า “เมื่อครั้งที่ คุณ ณ เสนา อรุโณทัย ได้นำต้นฉบับมาให้ สิ่งที่พบคืองานเขียนชิ้นนี้ขัดกับลักษณะภายนอกของผู้หญิงคนนี้มาก เพราะเป็นการเขียนเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ในรูปแบบนวนิยายที่สามารถลงรายละเอียดได้อย่างเห็นภาพชัดเจน จึงคิดว่าผู้เขียนมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ทั้งๆ ที่เป็นงานเขียนชิ้นแรกยังเขียนได้ดีขนาดนี้ มีลีลาการเขียนที่เหนือชั้น อ่านแล้วน้ำตาไหล จึงนับได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามอีกดวงหนึ่งของแวดวงวรรณกรรม หนังสือเล่มนี้จึงมีคุณค่า มีความหมาย น่าอ่าน และน่าเก็บไว้”

 นับเป็นงานเปิดตัวหนังสือที่มีผู้บัญชาการระดับสูงร่วมงานมากที่สุด และเป็นครั้งแรกที่ตำรวจตระเวนชายแดนจากยะลาในชุดเครื่องแบบเต็มยศพร้อมอาวุธครบมือปรากฏตัวใจกลางกรุง

 สำหรับรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดสมทบกองทุนผู้กองแคน เพื่อช่วยตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดต่อไป

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ