ก้าวแรกนางแบบสาวลูกครึ่งอิเหนา

 ทว่าในมุมมองของผู้สันทัดด้านแฟชั่นกลับเล็งและเก็งไว้ตลอดการประกวด หาใช่ม้ามืดแต่อย่างใด ด้วยท่วงท่าลีลาการเดิน และพรีเซนต์ชุดอันโดดเด่นไม่แพ้นางแบบอาชีพในคราบมือสมัครเล่น เมื่อเคาะครั้งสุดท้ายเธอคนนี้แหละ "ใช่เลย" ที่วงการนางแบบต้องการ !

 "ยังงงๆ อยู่เลยค่ะ สิ่งแรกที่อยากทำมากที่สุด คืออยากกอดคุณพ่อคุณแม่ค่ะ เพราะระหว่างเก็บตัวกับกองประกวดกึ่งเรียลิตี้ไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว" ไทยซูเปอร์โมเดลคนล่าสุด เผยความรู้สึกแรกหลังลงจากเวที พลันได้พบหน้าคุณพ่อนูร นูกราฮา และคุณแม่อังคณา หรั่งฉายา ที่มาเชียร์ข้างเวที และรอรับขวัญเมื่อค่ำคืนก่อน เจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่โผเข้าสวมกอดคุณพ่อคุณแม่ด้วยความดีใจ

 สืบรู้ว่ามาคุณพ่อ เป็นชาวอินโดนีเซีย ทำงานอยู่สถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ส่วนคุณแม่เปิดร้านตัดชุดวิวาห์ที่บางลำพู เมื่อจับต้นชนปลายถึงเข้าใจว่าสาวลูกครึ่งไทย-อินโดฯ คนนี้มีต้นตอชอบเรื่องการเดินแบบหรือแฟชั่นมาจากที่บ้าน เพียงแต่เจ้าตัวยังสับสนว่านี่ใช่เหตุผลหลักหรือเปล่าที่ทำให้อยากเป็นนางแบบ ด้านคุณแม่ยืนยันลูกสาวคนเดียวของบ้านชอบมาด้อมๆ มองๆ เวลาแม่ตัดเย็บเสื้อผ้าตั้งแต่ไม่ถึง 10 ขวบ พร้อมติชม และชอบเดินแบบตามนางแบบในทีวีเสมอๆ

 แต่การเป็นสาวแขนขายาวตั้งแต่เด็ก ด้วยผลพวงจากเลี้ยงดูของครอบครัวที่ให้กินไข่และนมเป็นประจำ ในความรู้สึกของสากลับเป็นปมด้อย เวลาเดินกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันที่ความสูงปกติต้องพยายามทำตัวให้เตี้ยเพราะไม่อยากเป็นจุดเด่นและถูกล้อ ดังนั้นปมในใจตรงนี้จึงเหมือนเป็นแรงฮึดให้เธอต้องปฏิบัติการสลาย "ปมด้อย" ให้เป็น "ปมเด่น" ด้วยการก้าวสู่วงการนางแบบให้ได้

 แม้ฝันสูงสุดจะอยากเป็นนางแบบอาชีพ ได้รับการยอมรับแบบ "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ ไทยซูเปอร์โมเดลปี 2004 นางแบบในดวงใจ แต่ถ้าไม่ถึงก็ไม่เป็นไร ความตั้งใจที่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ยังอยู่ และการเป็นนางแบบในแบบของเธอนั้นก็ต้องเป็นตัวของตัวเองด้วย

 "นางแบบจริงๆ สาคิดว่าต้องเป็นคนที่มั่นใจ สามารถพรีเซนต์เสื้อผ้าได้ดี ใช่ว่าจะเน้นการเปิดเรือนร่างโป๊เปลือย"

 ย้ำชัดๆ จากสาวมุสลิมคนแรกของเวทีไทยซูเปอร์โมเดล เพราะอนาคตหากได้เป็นนางแบบชื่อดังหรือโกอินเตอร์ ถ้าเลือกได้ก็จะไม่โชว์สรีระเกินความจำเป็น...