เด็กเลือก ผู้ใหญ่หนุน ชีวิตธรรมดาที่งดงาม

     ความจริงที่ว่าเด็กไทยกว่าค่อนประเทศไม่ได้หัวดี เรียนเก่ง หรือได้รับโอกาสชีวิตอย่างเท่าเทียม ผู้ใหญ่อย่าง “ทีเอ็มบี” จึงคิดโครงการไฟ-ฟ้า (FAI-FAH) โครงการ “ให้คืน” สังคมอย่างยั่งยืน ด้วยการเปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ภายใต้แนวคิด “เมค เดอะ ดิฟเฟอเรนซ์” ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “เด็กธรรมดา…คือสิ่งที่สวยงาม” พร้อมปล่อยวิดีโอเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจที่ได้รับการจุดประกายจากศูนย์ไฟ-ฟ้า ต้อนรับเทศกาลวันเด็ก หวังกระตุ้นสังคมไทยเปิดโอกาสสร้างพื้นที่ให้เด็กธรรมดา จุดประกายให้มีพลังในการค้นหาตัวเอง เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันชุมชนและสังคมที่ ศูนย์ไฟ-ฟ้า ประดิพัทธ์ เมื่อวันก่อน

การแสดงเปิดตัว

      กาญจนา โรจวทัญญู หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทีเอ็มบี” เปิดเผยถึงแคมเปญ “เด็กธรรมดา…คือสิ่งที่สวยงาม” ว่า เป็นการสะท้อนมุมมองที่ว่าในความธรรมดานั้นมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้เด็กธรรมดาได้มีโอกาสในการแสดงความสามารถ ให้ได้มีพื้นที่ยืนในสังคมได้อย่างสวยงาม เท่าเทียมกับเด็กคนอื่นๆ และในขณะเดียวกันเป็นการตั้งคำถามให้แก่สังคมและพ่อแม่ทั่วไปว่า ท่ามกลางสังคมแห่งการแข่งขัน การเปรียบเทียบ เรากำลังลืมไปหรือเปล่าว่า เด็กต้องการสิ่งใด บางครั้งการมองให้เห็นถึงความธรรมชาติ ความธรรมดาในเด็กคนหนึ่ง และพัฒนาเขาจากจุดนั้น นี่คือสิ่งที่สวยงาม และอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต

กาญจนา โรจวทัญญู-นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

      ภายในงานได้รับเกียรติจาก นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จิตแพทย์และนักเขียนคอลัมนิสต์ชื่อดัง มาร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับเด็กปัจจุบัน โดยแสดงทัศนะว่า สังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่เด็กและเยาวชนกำลังเผชิญกับความคาดหวังจากทุกทาง ทั้งจากพ่อแม่ ครอบครัว สังคม จะว่าไปเป็นสิ่งที่อันตรายมาก หากคาดหวังผิดทางคือการคาดหวังในเชิงสาระที่ไปกำหนดชีวิตของเด็กว่าให้เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็จะทำให้เด็กสูญเสียความเป็นตัวเอง ขาดความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งจะส่งผลต่อตัวตนของเด็กในระยะยาว ยิ่งปัจจุบันที่เด็กสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากที่พ่อแม่จะควบคุมความคิดของลูก ดังนั้นพ่อแม่ควรจะคาดหวังในสิ่งที่เป็นพื้นฐานมากกว่าคาดหวังเชิงสาระ 

เรียนรู้ตามความถนัดของเด็กธรรมดา

         "สิ่งพื้นฐานที่พ่อแม่ควรให้ความสนใจมี 3 เรื่อง คือ ทักษะในการช่วยเหลือตัวเอง ทักษะในการเอาตัวรอด และการมีอนาคตที่ใช้ได้ เริ่มจากทักษะในการช่วยเหลือตัวเอง เช่น กินข้าวเอง ดูแลการบ้านตัวเอง เก็บที่นอนเอง สิ่งเหล่านี้อาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่จริงๆ แล้วคือความรับผิดชอบพื้นฐานของเด็กที่ควรจะมี อีกทั้งส่งเสริมให้เขาได้ทดลอง เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองได้ ประเมินได้ เลือกได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับชีวิตของเขา ส่งเสริมให้เขาได้เติบโตมีชีวิตอย่างเข้าใจ เรียนรู้ ทดลอง ล้มได้ ลุกเป็น ซึ่งทักษะเหล่านี้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องสำคัญมากที่พ่อแม่ควรรู้และปลูกฝัง” คุณหมอ กล่าว

        ตัวอย่างเด็กธรรมดาที่มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตด้านต่างๆ ที่ศูนย์ไฟ-ฟ้า อย่างต่อเนื่อง 3 ปีจนค้นพบความสามารถและคุณค่าในตัวเองพร้อมแบ่งปันกลับคืนสู่สังคม “เอิร์ท” พัฒนะ ศรีพล อายุ 15 ปี ชั้น ม.3 โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม เด็กศูนย์ไฟ-ฟ้าบางกอกน้อย เล่าว่า เข้ามาที่ศูนย์ตอนอายุ 12 ปี เลือกชกมวยไทยเพราะชอบกีฬาป้องกันตัวเอง ผ่านไป 3 ปีพบว่าชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่นี่มอบโอกาสในสิ่งที่อยากทำ พอฝึกฝนบ่อยเข้าก็รู้หลักมวยไทย มีโอกาสไปชกโชว์ศักยภาพตัวเองตามที่ต่างๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนคนอื่นๆ 

นุชวรา บุญยะประพันธ์-พัฒนะ ศรีพล

      ด้านเด็กไฟ-ฟ้าศูนย์ประดิพัทธ์ “เกี๊ยว” นุชวรา บุญยะประพันธ์ อายุ 17 ปี ชั้น ม.6 โรงเรียนโยธินบูรณะ บอกว่าเข้ามาที่ศูนย์ตอนอายุ 15 ปี จากคำแนะนำของเพื่อน สนใจเรื่องการเต้นโดยเริ่มจากขั้นพื้นฐานแล้วพัฒนาตัวเองจนได้ออกไปแข่งขันตามงานต่างๆ และเมื่อได้รับโอกาสก็ส่งต่อน้องๆ ในชุมชนด้วยการลงพื้นที่กับพี่ๆ ไปสอนเต้น นอกจากจะเป็นการพัฒนาตัวเองแล้วยังช่วยส่งเสริมให้คนอื่นใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย อยากฝากเพื่อนๆ ว่าถ้าชอบทำอะไรก็ทำไปเลยแต่เป็นในทางสร้างสรรค์       

       รับชมแรงบันดาลใจดีๆ จากวิดีโอเด็กธรรมดา...คือสิ่งที่สวยงามได้ที่ https://youtu.be/o2-CxP5I_tE