"ลำพูน" เมืองรอง ไม่เป็นสองรองใคร

 

 

          ตลาดปิกอัพขยับตัวกันมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น ฟอร์ด มีเครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ โตโยต้าก็มีเกียร์ใหม่ มิตซูบิชิ ไมเนอร์เชนจ์ไทรทัน พร้อมกับเรียกเสียงฮือฮาจากตลาดที่หลายคนชมว่าทำออกมาได้สวยและโฉบเฉี่ยว รวมถึงผู้นำตลาดอย่างอีซูซุ ที่เปิดตัวรุ่นพิเศษคือ สเทลธ์ ที่เน้นความดุดัน เชื่อว่าเป็นการเจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ต้องการรถปิกอัพที่ดูว่าแตกต่างจากปิกอัพใช้งานที่ชัดเจน

 

 

 

 

          การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของสเทลธ์ ก็คือกระจังหน้าใหม่ดูเข้มขึ้น หรูขึ้น ผมชอบเส้นสีเงินที่ลากผ่านด้านบนโคมไฟหน้าและกระจังหน้าที่อีซูซุเรียกว่า “สเทลธ์ ไลน์” นอกจากนี้ก็ยังมีชุดแต่งสเกิร์ตหน้า กรอบไฟตัดหมอกสีดำ ล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว และกันชนท้ายที่ออกแบบใหม่ ดูกลมกลืนกับส่วนประกอบอื่นๆ มากขึ้น ส่วนภายในทูโทน ปรับเปลี่ยนเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำ รวมถึงสัญลักษณ์ STEALTH ที่แผงข้างประตู
 

 

 

 

          ช่วงสัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสพาสเทลธ์แอ่วเมืองเหนือ เยือนถิ่นหละปูนเมืองคนงาม “ลำพูน”
   

          ลำพูนเป็นเมืองรองที่บังเอิญอยู่ติดกับเมืองหลักอย่างเชียงใหม่ เลยไปอีกนิดก็เชียงราย ดังนั้นทำให้บางคนก็มองเป็นแค่เมืองผ่านเท่านั้น จะมีตั้งใจแวะกันบ้างก็ไม่กี่ที่ หลักๆ คือสักการะ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร แต่จริงๆ เมืองนี้มีสถานที่และวัฒนธรรมอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งประมาณ 1 วัน ผมก็ได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง

 

 

  

          เริ่มจากการขับรถจากย่านสนามบินเชียงใหม่ มุ่งหน้าไป อ.ลี้ ผ่านเส้นทางสวยงาม ทั้งชนบท ผ่านชุมชน เทือกสวนไร่นา และป่าเขา เพื่อไปเที่ยวชมชุมชนบ้านพระบาทห้วยต้ม ชุมชนที่มีชาวปกาเกอะญออาศัยอยู่และซ่อนตัวอยู่อย่างสงบ ที่น่าสนใจคือ ทุกบ้านถือศีลกินเจ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ทั้งหมู่บ้าน

     

 

 

          ที่นี่เราได้ชม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของลี้ ถือเป็นวัดประจำหมู่บ้านที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านห้วยต้ม ภายในวัดมีวิหารที่บรรจุร่างของครูบาวงศ์ ซึ่งไม่เน่าไม่เปื่อยไว้ในโรงแก้ว และยังมีรอยพระพุทธบาทให้สักการะ และห่างออกไปไม่ไกลก็มี พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย สีทองเหลืองอร่าม ที่ชาวนับถือ จำลองมาจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า จึงมีอีกชื่อว่าชเวดากองเมืองไทย เป็นพระเจดีย์ที่ออกแบบและริเริ่มโดยครูบาวงศ์และคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อน้อมเกล้าน้อมฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

 

 

 

          เสร็จแล้วก็มากันที่ ศูนย์วิจัยหัตถกรรมบ้านห้วยต้ม ซึ่งจำหน่ายสินค้าโอ ท็อปของชุมชน ที่หน่วยงานภาครัฐดูแลส่งเสริมรวมถึงการพัฒนาการทอผ้ากี่เอวและการแปรรูปจากผ้าทอและเครื่องเงิน ที่มีเอกลักษณ์ลวดลายสะท้อนชีวิตชาวชนเผ่า ทำเป็นลายใบไม้ ปลา กุ้ง รวมทั้งเครื่องจักสานเป็นของใช้ในครัวเรือน
   

 

 

 

          ส่วนในเขตตัวเมืองซึ่งมีเวลาประมาณครึ่งวัน เราจอดรถไว้และใช้บริการรถนำเที่ยวที่มีวันละ 2 รอบใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ค่าตั๋วคนละ 50 บาท ออกเดินทางจากวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารผ่าน พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน 
   

          ส่วนพิพิธภัณฑ์ใช้พื้นที่ของคุ้มเจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ ลำพูน ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติความเป็นมาอันยาวนานของเมืองลำพูน เมืองที่มีความศรัทธาทางพระพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

          คุ้มเจ้ายอดเรือน อาคารเก่าแก่ เป็นเรือนพักอาศัยที่เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้ายสร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่เจ้ายอดเรือน ชายาองค์สุดท้าย เมื่อปี 2470 ซึ่งมีความเก่าแก่และยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ประกอบด้วย อาคารเรือนไม้ ข่วง ลานดินกว้างหน้าบ้าน ต้นไม้มงคล ยุ้งข้าว บ่อน้ำและส่วนประกอบอื่นๆ

          อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย
  

 

 

          วัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดกู่กุด มีความสําคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีตามหลักฐานที่ได้พบศิลาจารึกเชื่อว่าพระราชโอรสของพระนางจามเทวี คือ พระเจดีย์มหันตยศ และพระเจ้าอนันตยศโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายพระเพลิงพระนางจามเทวี แล้วโปรดให้สร้างเจดีย์เหลี่ยมมียอดหุ้มด้วยทองเรียกชื่อว่า สุวรรณจังโกฏ
  

 

 

 

 

          วัดสันป่ายางหลวง ติด 1 ใน 5 วัดที่สวยที่สุดในประเทศไทย ภายในวัดมีงานแกะสลักปูนปั้นไว้อย่างวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะวิหารพระโขงเขียว ที่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย หรือพระหยกเขียวซึ่งนำมาจากแม่น้ำโขงและด้านล่างพระโขงเขียว คือพระพุทธเมตไตรจำลองมาจากพุทธคยาตอนที่พระพุทธเจ้าโคตมบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

 

 

 

          นี่คือช่วงเวลาสั้นๆ ที่เจ้าสเทลธ์เรื่องยนต์ดีเซล 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขนาด 1.9 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที พาผมเดินทางเที่ยวชมหละปูน เมืองคนงามครับ