โตโยต้าคัมรี่ เติมอารมณ์สปอร์ต เพิ่มออปชั่น

 

 

          โตโยต้าเปิดตัวคัมรี่ใหม่ พร้อมความคาดหวังที่จะรื้อฟื้นตลาด ดี เซ็กเมนต์ ที่ค่อนข้างซบเซาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาคราวนี้ คัมรี่มาพร้อมกับสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแนววคิด อารมณ์ บุคลิก รวมถึงโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า TNGA หรือ Toyota New Global Architecture และในบ้านเริ่มต้นรุ่นแรกด้วย ซี-เอชอาร์ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเลยทีเดียว

 

 

 

 

          บุคลิกเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมค่อนข้างชัดเจน ดูเป็นรถที่มีอายุน้อยลง รูปทรงดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการกดตัวถังให้เตี้ยลง ความสูงใต้ท้องรถลดลง บวกกับการใช้เส้นสายในส่วนต่างๆ ก็ทำให้มันดูสปอร์ตมากขึ้นอย่างชัดเจน จนบางทีก็สงสัยว่าแล้วลูกค้ากลุ่มเดิมๆ ที่เน้นความกว้างขวาง โอ่โถงจะว่าอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารโตโยต้าบอกว่าลูกค้าชอบกับแนวทางใหม่นี้

 

 

          ด้วยความที่คัมรี่ออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ลดอายุรถลงไป ทำให้ดูหนุ่มขึ้น สปอร์ตขึ้น เส้นสายต่างๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนกัน ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น รวมถึงการกดหลังคาลงมา ซึ่งอาจจะทำให้การเข้าออกรถดูจะเปลี่ยนไป ต้องก้มหัวมากขึ้นตามหลักการ แต่ว่าในการใช้งานจริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผมเข้าออกได้สะดวก

 

 

 

          เส้นสายตัวถัง เมื่อมองด้านข้างดูดี แนวคิดก็คงได้มาจากรูปแบบของรถซีดานกลิ่นคูเป้บ้างแหละครับ ก็ดูสวยดี แต่ที่ผมไม่ค่อยชอย คือช่วงต่อระหว่างฝากระโปรงหน้ากับเสาเอ และกระจกบังลมหน้า ดูมันขาดตอนไปสักหน่อย และพื้นที่พักก้านปัดน้ำฝนดูเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ดูขาดการเชื่อมต่อ

          ส่วนตัวฝากระโปรงหน้าเอง สวยด้วยเส้นสายที่วิ่งผ่าน และออกแบบให้ยกสูงตรงกลางและงุ้มลงตรงปลาย ทำให้ผู้ขับขี่มองพื้นที่ด้านหน้าผ่านฝากระโปรงหน้าไปได้ดีขึ้น

 

 

 

          ขณะที่แนวเส้นจากเสาเอ เลื้อยไปบนหลังคาผ่านเสาบี ลาดลงที่เสาซี ต่อเนื่องฝากระโปรงท้าย ดูดีครับ

          ด้านท้ายสวยงาม ด้านหน้าจะว่าไปก็สวยและโฉบเฉี่ยวทีเดียว แต่ดูจะขาดความตื่นเต้นไปบ้าง เพราะให้อารมณ์ร่วมกับรุ่นน้องๆ ที่ทำตลาดอยู่แล้วในขณะนี้

          ภายในห้องโดยสารออกแบบมาดูหรูหราโดยเฉพาะคอนโซลหน้า คอนโซลเกียร์ ทำได้ดี ล้ำสมัย โฉบเฉี่ยว เบาะนั่งสบาย และกระชับช่วยในการควบคุมรถได้ดี เบาะหลังปรับองศาพนักพิงได้ ช่วยให้สบายขึ้นในการเดินทาง แต่เมื่อนั่งตรงนี้ที่ผมไม่ชอบคือถาดยางปูพื้นที่เนื้อยางอ่อนนุ่ม แต่ก็ทำให้บางทีมันไหลๆ ไม่เข้าที่เข้าทางกับตำแหน่งที่ควรอยู่

 

          ห้องโดยสารโดยรวมแม้จะรู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกเล็กกว่าตัวเดิม แต่การเดินทางจริงๆ นั่งจริงๆ ก็ต้องบอกว่านั่งสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด กินลมชมวิวได้เพลินๆ ครับ

          เพิ่มความบันเทิงด้วยชุดเครื่องเสียงของเจบีแอล ที่มาพร้อมกับลำโพง 9 ดอก และด้านความปลอดภัย ติดตั้งถุงลม 9 ตำแหน่ง ส่วนระบบอื่นๆ ที่ให้มาก็เช่น ระบบป้องกันการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งรุ่นเดิมมีเฉพาะการส่งเสียงเตือน แต่รุ่นใหม่ใส่ระบบหน่วงพวงมาลัยที่จะคอยขืนไม่ให้รถข้ามช่องจราจรไป รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างจากคันหน้า หรือ adaptive cruise control

 

 

          และสำหรับการกดตัวถังลงยังทำให้มันมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากการลองขับในรูปแบบสลาลอม หรือว่าเลนเชนจ์ ที่เปลี่ยนเลนไปมากะทันหัน ซึ่งปกติจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รถเสียหลักได้ง่ายที่จัดขึ้นภายในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ แต่ในด้านต่างๆ เหล่านี้ คัมรี่ก็ผ่านไปได้ไม่ยาก

          อาการโยนตัวหรือเรียกภาษาบ้านๆ ว่าย้วยลดลงไปมากจากรุ่นเดิม ขณะที่พวงมาลัยก็มีความแม่นยำ นั่นทำให้การขับขี่แบบเปลี่ยนเลนไปมา ทำได้ดี หรือว่าในโค้งที่ทำความเร็วได้ในสนามช้าง ก็เห็นได้ชัดครับว่ามันควบคุมได้ง่าย และถ่ายทอดอาการของรถให้ผู้ขับรู้สึกได้รวดเร็ว เช่น ความเร็วสูงๆ ในโค้งที่อาจจะมีอาการอันเดอร์เสตียร์นิดๆ ก็แค่ขยับพวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้นก็ผ่านไปได้สบายๆ

 

 

          แต่ถ้าถามว่ามันกลายพันธุ์เป็นสปอร์ตซีดาน เลยไหม ตอบได้เลยว่ายัง ซึ่งเชื่อว่าโตโยต้าเองก็คงไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะแม้จะเพิ่มอารมณ์สปอร์ตเข้าไป เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ควบคุม แต่เชื่อว่าฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดนี้ยังชอบรถที่นั่งสบายๆ นุ่มๆ

          ในสนามช้างฯ โตโยต้านำรถมาให้ลอง 2 รุ่น คือ 2.5 HV Premium ซึ่งเป็นรถไฮบริด และ 2.5G เครื่องยนต์เบนซิน

 

 

 

          ถ้าให้พูดถึง 2 ตัวนี้ ก็ต้องบอกว่าคนละอารมณ์ การขับในสนามเมื่อต้องการเปลี่ยนความเร็วเช่น เร่งออกจากโค้ง ตัวไฮบริดจะลื่นไหลกว่า เพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงมาช่วย แต่ถ้าจะเอาอารมณ์สนุก มีอารมณ์กระชากกระชั้นบ้างจากการคิกดาวน์ ก็ต้องเป็นรุ่น 2.5 ที่มาพร้อมกับเกียร์ใหม่ 8 สปีด ที่ให้อารมณ์สปอร์ตมากว่า อี-ซีวีที ของไฮบริด

          อีกอย่างก็ต้องบอกว่ามาจากองค์ประกอบพื้นฐานอื่นๆ เช่นล้อและยางที่ต่างกัน โดย 2.5G ใช้ยาง 235/45 R18 ขณะที่ไฮบริดใช้ยาง 215/55 R17 ครับ

          แต่จุดเด่นอีกอย่างของไฮบริดคือการทำงานที่ลื่นไหลไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยอะไร เช่น เครื่องยนต์อย่างเดียว มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวหรือทั้ง 2 ช่วยกันทำงาน ไม่มีรอยต่อ ไม่มีการสะดุดให้รู้สึกได้เลย

 

 

          สำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ก็พัฒนาขึ้นมาใหม่ขนาด 2,487 ซีซี เท่ากัน แต่ใช้รหัสคนละตัว โดยในไฮบริด ให้กำลังน้อยกว่าคือ 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที เพราะมีมอเตอร์มาช่วยอีกที่ 88 แรงม้า กับ 202 นิวตันเมตร ส่วน 2.5 G 209 แรงม้าที่ 6,600 รอบนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ/นาที

          โดยรวมๆ บอกได้ว่า คัมรี่เปลี่ยนแนวคิดไปจากเดิมพอควร ขับสนุกขึ้น การยึดเกาะถนนดีขึ้น ส่วนจะเลือกธรรมดาหรือไฮบริดก็ตามใจชอบ ถ้าชอบประหยัด ไปแบบนุ่มนวลก็เลือกไฮบริด แต่ถ้าเลือก 2.5G ก็จะได้อารมณ์สนุกในการขับขี่มากกว่าครับ