เอชอาร์-วี ปรับโฉมเติมอารมณ์สปอร์ต

 

          โดยในกลุ่มกลางๆ ต้องบอกว่า ฮอนด้า ซึ่งโดดเข้าสู่ตลาดนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้วกับเอชอาร์-วี ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง บวกกับการไม่มีคู่แข่งมากนักทำให้สามารถสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ

          แต่การมาของ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากไม่มีรถทำตลาดนี้มายาวนาน ก็ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน และทำให้ฮอนด้าต้องขยับตัว ซึ่งรวมถึงการไมเนอร์เชนจ์ เติมความสดใหม่ให้เอชอาร์-วีและจัดระเบียบรุ่นเสียใหม่ให้เหมาะสมกับตลาด โดยเลิกทำรุ่นเอส และอีแอล ลิมิเต็ด แต่เพิ่มรุ่น อาร์เอส เข้ามา ซึ่งอาร์เอส ได้รับการเติมแต่งด้วยวัสดุสีดำในหลายๆ จัด ล้ออัลลอยพิเศษต่างจากรุ่นอื่น ซึ่งในเชิงการตลาดก็คงจะมีผลต่อภาพลักษณ์และความรู้สึกของลูกค้าถึงความพรีเมียม ความสปอร์ตมากขึ้น โดยแบ่งเป็นรุ่นอี ราคา 9.49 แสนบาท รุ่นอีแอล 1.059 ล้านบาท และอาร์เอส 1.119 ล้านบาท

 

          ส่วนรายละเอียดของการไมเนอร์เชนจ์ในภาพรวม เช่น ภายนอก เปลี่ยนกระจังหน้าให้เป็นแบบแนวยาว กันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าใช้แบบอินไลน์ แอลดีอี ไฟขับขี่กลางวันและไฟตัดหมอกแอลอีดีไฟท้ายแอลอีดี ภายในห้องโดยสาร เปลี่ยนเบาะใหม่ให้กระชับลำตัวมากขึ้น

 

 

          ฮอนด้าเพิ่มเติมระบบบางอย่างเข้ามา ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (ไม่เกิน 35 กม./ชม.) หรือ City Brake Active System ซึ่งก็น่าจะดีสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น และโลกโซเชียลเบ่งบาน ทำให้หลายคนใช้เวลาที่รถติดๆ กับมัน จนบางครั้งเกิดการพลั้งเผลอได้ ระบบนี้จะมีทั้งการเตือนและการช่วยเบรก

 

 

 

          ระบบฮอนด้า วอทช์ ก็มีมาให้เช่นกัน โดยติดตั้งกล้องไว้ที่กระจกมองข้างด้านซ้ายเพื่อแสดงภาพผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ เนื่องจากฮอนด้าเห็นว่ามุมมองจากกระจกมองข้างด้านซ้ายมีจุดอับสายตามากกว่าด้านขวา ระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ

 

 

          ส่วนระบบเกี่ยวกับเบรกก็ยังมีครบถ้วนเช่นเดิม ในรุ่นอาร์เอส ไม่ว่าจะเป็นเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ หรืออีบีดี ระบบควบคุมการทรงตัวหรือวีเอสเอ ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน หรือเอชเอสเอ สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน หรืออีเอสเอส กล้องส่องภาพด้านหลังให้ภาพที่ชัดเจน และยังเลือกปรับได้ 3 มุมมอง ติดตั้งถุงลม 6 ตำแหน่ง

 

 

          ในภาพรวมของเอชอาร์-วี แม้จะเป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ว่าภายในนั่งได้สบาย ผ่อนคลาย เดินทางไกลไม่เมื่อยล้า ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานง่าย ทัศนวิสัยชัดเจนรอบคัน ลดความเครียดในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อต้องฟันฝ่าสภาพการจราจรที่หนาแน่น และหากช่วงไม่มีแสงแดดส่องลงมาที่รถโดยตรง จะะเปิดม่านบังแดดที่ซันรูฟ ในรุ่นอาร์เอสก็ช่วยให้ห้องโดยสารรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น

 

 

          ในส่วนผู้โดยสาร 3 คนนั่งได้สบาย ไม่อึดอัด จุดดีอย่างหนึ่งคือพนักพิงที่มีองศาที่เหมาะสมทำให้ไม่เมื่อย และหากต้องการพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม หรือของที่มีขนาดใหญ่ ขนาดยาว ก็สามารถพับเบาะหลังได้ ซึ่งทำได้หลายแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการพับให้ราบ หรือพับแบบยกขึ้นไปติดกับหลังเบาะหน้าเพื่อใส่ของที่มีขนาดสูงได้หรือจะขนจักรยานไปปั่นเล่นก็ทำได้ง่ายๆ

 

 

          เครื่องยนต์ยังคงเป็นตัวเดิม เบนซิน 1.8 ลิตร ใช้เชื้อเพลิงได้ถึง อี85 ได้ ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT พร้อมแพดเดิลชิฟท์ให้เปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง

 

 

          แม้จะเป็นเกียร์ซีวีที ซึ่งอารมณ์จะต่างจากเกียร์เฟืองไปบ้าง ไม่เหมาะกับการขับขี่แบบกระโชกโฮกฮาก แต่ก็สามารถขับขี่ให้อารมณ์สปอร์ตได้ เพียงแต่ต้องใช้น้ำหนักเท้าให้ถูกต้อง ค่อยๆ กดลงไปอย่างนุ่มนวล ไม่ต้องกดแรงหรือแบบที่เรียกว่ากระทืบ กำลังของเครื่องยนต์ก็มาตามนัดอย่างเพียงพอ เร่งแซงได้สบายๆ ไม่ยากเย็น ไม่ว่าจะเป็นถนนใหญ่ หรือว่าถนน 2 เลนสวนทาง ซึ่งกำลังเครื่องยนต์เพียงพอต่อการใช้งาน สอบผ่าน และช่วงล่างก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของเอชอาร์-วี ถือว่าออกแบบได้ค่อนข้างลงตัวทีเดียว เพราะได้ทั้งความนุ่มนวล แต่ก็ให้การเกาะถนนที่ดี ไม่ว่าทางตรงหรือทางโค้ง และพวงมาลัยที่มีความแม่นยำที่ดี ก็ช่วยได้มากในเรื่องนี้

 

 

          ถือเป็นรถที่น่าขับง่าย นั่งสบาย กำลังเครื่องยนต์เพียงพอต่อการใช้งาน ทั่วประเทศ เดินทางไกลสบายๆ ไม่เมื่อยล้า ไม่เครียดจากการทรงตัวของรถและการควบคุมที่ทำได้ง่ายๆ ครับ