ขึ้นเขาลงเนิน กินลมชมวิวไปกับ แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด

 

          ยามาฮ่า ประกาศเปิดตัวรถไฮบริด ในรุ่น “แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” โดยไม่มีข่าวออกมาล่วงหน้ามากนัก ทำให้เกิดเสียงฮือฮาในวงการไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ ค่ายแรกที่ประกาศว่าจะทำตลาดจักรยานยนต์ไฮบริดคือ ฮอนด้า แต่ว่าในที่สุด ยามาฮ่า ก็ได้คำว่า “ไฮบริด รุ่นแรก ในประเทศไทย” ไปครองได้สำเร็จ

          แม้ว่ารูปแบบของแกรนด์ ฟีลาโน่ จะเป็นการทำงานแค่ช่วงออกตัว แต่หลักการทำงานก็ถือว่าเป็นไฮบริด เพราะเป็นแหล่งพลังงาน 2 ระบบที่ช่วยเหลือกัน โดยมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเครื่องยนต์ในช่วงออกตัว และเครื่องยนต์ก็ช่วยชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ ก็ถือว่าเป็นลูกเล่นอย่างหนึ่ง แม้จะมอเตอร์จะไม่ได้ทำงานช่วงอื่น เช่น เร่งแซง แต่การที่ขยับราคาแค่ประมาณ 3,000 บาท ก็ถือว่าสมเหตุสมผล ขณะที่การทำงานเต็มรูปแบบ อย่างฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ ที่ยังไม่เปิดราคา แต่ก็คาดกันว่าเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติประมาณ 4 หมื่นบาท บวกลบ

 

 

          หลักการของยามาฮ่า ไม่มีอะไรซับซ้อน ติดตั้งมอเตอร์ ทำหน้าที่ทั้งสตาร์ทเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี และช่วยในการออกตัว พร้อมกับเพิ่มแบตเตอรี่ 12 โวลต์ จาก 3.5 แอมป์ เป็น 5 แอมป์ และ 6 แอมป์ในรุ่นเอบีเอส

          เครื่องยนต์สตาร์ทด้วยระบบ “วัน พุช สตาร์ท” กดทีเดียว เครื่องก็ติดได้นุ่มนวล ไม่มีเสียงตะกุกตะกักรบกวน ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการออกตัว ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของไฮบริด ซึ่งก็ทำได้ดี รถกระฉับกระเฉงขึ้นในจังหวะนี้ ไม่ได้ยินเสียงที่ดังเกินความเร็วจากการพยายามลากน้ำหนักรถและคนให้เคลื่อนที่ ซึ่งตรงนี้มอเตอร์จะช่วยทำงานประมาณ 3 วินาที ซึ่งก็เพียงพอกับการออกตัว จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ และมอเตอร์จะทำงานอีกครั้งเมื่อรถจอดนิ่ง และออกตัวใหม่

 

 

          ผมลองจอดคากลางเนินแล้วออกตัว ก็ไปได้ไม่ยากครับ

          ยังมีสต็อป & สตาร์ท ซิสเท็ม ที่จะตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง และสตาร์ทใหม่อีกครั้งเมื่อบิดคันเร่ง เพื่อช่วยให้ประหยัดเพิ่มขึ้น

          ผมลองขี่แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด เส้นทางถนนมิตรภาพแถวมวกเหล็ก ตัดขึ้นมาทางเขาใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางวังน้ำเขียว ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยงาม แต่ก็มีเนินมีโค้งมากมาย และบางช่วงริมๆ ถนนก็มีเม็ดกรวดเม็ดทราย และถนนบางช่วงไม่เรียบ มียุบ มีเนิน และบางช่วงก็เริ่มชำรุดขรุขระ

 

 

          ก็ต้องบอกว่าเป็นรถที่ขับง่ายครับ ช่วงล่างดี การขี่ในทางโค้งทำได้ง่ายๆ นุ่มนวล หน้าไม่ดื้อโค้ง บนเส้นทางที่ขรุขระ ช่วงล่างช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ขึ้นมาถึงผู้ขับผู้นั่งน้อย และทางที่เป็นคลื่นเป็นลอน อาการกระเด้งกระดอน ก็ไม่มีเช่นกัน ช่วงขึ้นเนินกำลังเครื่องยนต์เพียงพอ ถือเป็นรถที่ขับเดินทาง ขับท่องเที่ยวเพลิดเพลินได้ดี และข้อมูลการขับขี่ที่หน้าจอทีเอฟที มองเห็นชัดเจน แม้จะสวมแว่นกันแดด และขับขี่กลางแดดก็ตาม

          และจุดเด่นอีกอย่างก็คือเรื่องของรูปทรง สีสัน ที่สะดุดตา การเก็บรายละเอียดของตัวถังที่ลดรอยต่อ ซ่อนนอตไม่ให้เกะกะสายตา น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนที่ชอบจักรยานยนต์แบบไลฟ์สไตล์

          อีกสิ่งหนึ่งก็คือประโยชน์ในการใช้สอยเช่นพื้นที่เก็บของใต้เบาะที่กว้างขวางทีเดียว ใส่อุปกรณ์ส่วนตัว หรือหมวกกันน็อกได้สบายๆ แถมยังมีไฟแอลอีดี ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนยามค่ำคืน

 

 

          ดันส่วนแบ่งตลาด เอที 29%
          สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ยามาฮ่ายังมีแผนจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้และสนับสนุนการขายแกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ครอบคลุมทั่วประเทศ เช่น กิจกรรม Yamaha presents “Automatic is NOW festival” ซึ่งเป็นเฟสติวัลที่รวมเอาไลฟ์สไตล์ อินเทรนด์ ของวัยรุ่นมารวมกันไว้ที่เดียว พร้อมชมคอนเสิร์ตเมื่อวันที่ 4-5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่เดอะสตรีท รัชดาฯ กิจกรรมตามหัวเมืองใหญ่ 4 จังหวัดตลอดเดือนนี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น พร้อมจัดให้มีกิจกรรมย่อยร่วมกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

 

 

          สำหรับ แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด มี 2 รุ่น ให้เลือกคือ Standard ราคาช่วงเปิดตัว 55,500 บาท และรุ่น ABS ราคาแนะนำ 62,000 บาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างแท้จริงซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดสำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของยามาฮ่าเติบโตเป็น 29% ในปีนี้

          ทั้งนี้ รุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา และ สีน้ำเงิน ส่วนรุ่น Standard มี 5 สี คือ สีแดง/ดำ สีดำ สีเขียว/เทา สีขาว/เทา และสีเหลือง/เทา