มูลนิธิปิดทองหลังพระ พาสื่อมวลชนสัญจรไปศึกษาดูงาน "โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9" จ.เพชรบุรี
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพประมง สืบเนื่องจากปัญหาสัตว์ทะเลธรรมชาติในน่านน้ำไทยลดน้อยลงมาก รวมทั้งพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง และปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้ในการออกเรือจับสัตว์น้ำธรรมชาติในทะเลที่ห่างไกล ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น จนกระทั่งสัตว์น้ำที่จับได้ขายแล้วไม่คุ้มทุน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561
ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 จึงมีรับสั่งกับ สหัส บุญญาวิวัฒน์ ที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง และ จรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น ว่าในอนาคตผลผลิตสัตว์น้ำทะเลต่างๆ จากฟาร์มทะเลเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสานที่ถูกสุขภาวะอนามัยแวดล้อมจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ ทดแทนการออกเรือไปจับสัตว์น้ำในทะเลที่ห่างไกล พร้อมทั้งพระราชทานพระราชดำริให้ทำฟาร์มทะเลตัวอย่างในพื้นที่ดินนาเกลือริมทะเล
เพื่อเป็นการเผยแพร่ความสำเร็จของโครงการดังกล่าว ซึ่งได้มีการต่อยอดสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ จึงได้พาสื่อมวลชนสัญจรไปศึกษาดูงาน “ชุมชนเข้มแข็ง สืบสานแนวพระราชดำริ” ที่ “โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9” ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
ประพัฒน์ กอสวัสดิ์พัฒน์ พาชมฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น
ประพัฒน์ กอสวัสดิ์พัฒน์ นักวิชาการประมงชำนาญการ ผู้จัดการฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ เล่าว่า ที่นี่เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2552 และเริ่มเดินเครื่องทำงานในปี 2554 ผ่านมา 7 ปีแล้ว ที่นี่นับเป็นฟาร์มทะเลแบบผสมผสานบนแผ่นดินชายฝั่งแห่งแรกที่จำลองนิเวศวิทยาทางทะเลครบวงจรทุกช่วงความเค็ม ยกขึ้นไปไว้ในฟาร์มบนแผ่นดินชายฝั่งระบบปิด-รีไซเคิล ที่น้ำไหลขึ้นลงบำบัดตัวเอง สอดคล้องทั้งวงจรน้ำทะเลและวงจรอาหารธรรมชาติต่อเนื่อง มีการวางระบบการหมุนเวียนของน้ำระหว่างน้ำจืดกับน้ำทะเลให้สมดุลและเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำทะเลแต่ละช่วงชีวิต สามารถเลี้ยงสัตว์สองน้ำ เช่น กุ้งก้ามกราม ปลานวลจันทร์ทะเล ปลากะพงขาว และปลาน้ำเค็ม เช่น ปลากุดสลาด ปลากะรัง ปลาหมอทะเล เป็นต้น รวมถึงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น
การที่ในฟาร์มมีระบบท่อน้ำเชื่อมโยงถึงกันทุกฟาร์มย่อย ของเสียจากทุกฟาร์มย่อยจะถูกนำมาใช้เป็นอาหารของไรน้ำเค็ม (อาร์ทีเมีย) ที่ดำรงชีวิตโดยการกรองกินอินทรีย์สารทุกชนิด และตัวไรน้ำเค็มเองสามารถนำมาใช้เป็นอาหารของสัตวน้ำวัยอ่อนในฟาร์มด้วย น้ำที่เค็มจัดจากการเลี้ยงไรน้ำเค็มจะส่งต่อไปยังแปลงสาธิตการทำนาเกลือ ซึ่งได้พัฒนาต่อยอดไปสูการทำน้ำทะเลธรรมชาติแบบผง เป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตเกลือให้มีราคาสูงขึ้น และกระบวนการสุดท้ายของการทำนาเกลือจะได้ปุ๋ยสำหรับนำไปเพาะปลูกต้นไม้ ถือเป็นฟาร์มซีโร่เวสต์ ที่ไม่มีการปล่อยน้ำเสียจากฟาร์มสู่สิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ในทะเลยังมีแปลงสาธิตการเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบแพเชือก ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงใหม่ที่ลดปัญหาการตายของหอยแมลงภู่จากการหักล้มของหลักไม้ในฤดูมรสุม และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมบริเวณแปลงเลี้ยง ทั้งยังมีประโยชน์เป็นเสมือนปะการังลอยน้ำสำหรับเป็นที่อาศัยหลบซ่อนของปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กจนถึงวัยเจริญพันธุ์ สร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ท้องทะเล
สาหร่ายพวงองุ่น
โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการประมงแก่เกษตรกรทั้งในและต่างพื้นที่ ได้นำไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพประมงทางเลือกโดยไม่ต้องออกเรือไปจับสัตวน้ำในทะเลที่ห่างไกลเหมือนในอดีต ชุมชนชาวประมงผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถนำความรู้จากการดูงาน ศึกษาเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำฟาร์มทะเลแบบผสมผสาน ไปเป็นตัวอย่างปรับให้เหมาะสมกับสภาพพื้นถิ่นของตัวเอง
“ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ของฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ คือสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมด้วยคุณประโยชน์ที่มากมาย สามารถกินสดและนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ที่นี่เป็นศูนย์การจัดฝึกอบรมทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งการทำแบบชาวบ้านที่จะเพาะเลี้ยงในนาเกลือ และการทำแบบเต็มรูปแบบโดยใช้ระบบจากที่นี่ไปเป็นต้นแบบ ในส่วนของ จ.เพชรบุรี เองเริ่มส่งเสริม ค้นคว้า และทดลองปลูกที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2555-2556 จนได้รูปแบบที่เหมาะสมเมื่อราวปี 2557 จึงส่งต่อมาที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ รับช่วงมาขยายผลในเชิงพาณิชย์และส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกต่อ ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรเปิดเป็นฟาร์มแล้วทั้งหมด 14 ฟาร์ม ในจำนวนนี้มีถึง 3 ฟาร์มที่ได้มาตรฐานจีเอพีจากกรมประมง (การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี : Good Aquaculture Practice)” ผู้จัดการฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ เผยข้อมูล
นงนภัส อภิกรรัตน์
หนึ่งในเจ้าของฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่นที่ได้มาตรฐานจีเอพี “กิ” นงนภัส อภิกรรัตน์ ข้าราชการวัย 39 ปี หนึ่งในสี่หุ้นส่วนเจ้าของฟาร์ม “เบ็ญจมาศ กรีนคาร์เวีย” ซึ่งหันมาเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นเป็นอาชีพเสริม เล่าว่า สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสิ่งแปลกใหม่ในท้องตลาดที่น่าจะได้รับการตอบรับดี ทั้งยังศึกษาแล้วพบว่ามีประโยชน์มากมาย จึงเริ่มเข้าไปอบรมที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ เมื่อราว 2 ปีก่อน ได้ไอเดียดีๆ กลับมาเยอะ จึงนำความรู้ที่ได้มาทดลองเพาะพันธุ์ในพื้นที่เล็กๆ ก่อนแล้วค่อยๆ ขยายขึ้นเป็นฟาร์มบนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
เมี่ยงคำสาหร่ายพวงองุ่น
“ฟาร์มของเรามีสาหร่ายที่สามารถเก็บขายได้ 4 บ่อและกำลังเพาะพันธุ์เพิ่มอีก 2 บ่อ สามารถเก็บผลผลิตได้วันละ 50-100 กิโลกรัม แบ่งเป็นเกรดช่อขายราคากิโลกรัมละ 200 บาท และเกรดพรีเมียมราคากิโลกรัมละ 350 บาท ส่งขายทั่วประเทศและเปิดขายหน้าฟาร์มสร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นลูกค้าจะเยอะมาก” นงนภัส กล่าว
สโรชา กิ่งสอาด-สยาม พลายแก้ว
ไม่ต่างจาก สโรชา กิ่งสอาด เกษตรกรวัย 28 ปี เล่าว่า เข้าไปทำงานที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ นานกว่า 3 ปี จึงนำความรู้และประสบการณ์ต่างๆ กลับมาทำเองในบ่อขนาดประมาณ 2 ไร่ เริ่มเพาะเลี้ยงเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยใช้ต้นพันธุ์ 50 กิโลกรัม ผ่านไปประมาณเดือนเศษๆ สาหร่ายก็เริ่มออกผลให้เก็บเกี่ยวได้ ทุกวันนี้จะได้ประมาณ 1,000 กิโลกรัมต่อเดือน กำไรอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท นับว่าเป็นรายได้เสริมที่ดีมาก
"ความรู้ที่ได้จากโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ สามารถนำมาต่อยอดในการประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้จริง เห็นได้ชัดว่าตลอด 7 เดือนที่ผ่านมารายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งเรายังสามารถนำความรู้นี้ไปแบ่งปันผู้อื่นต่อไปได้ด้วย" เกษตรกรสาว เล่าระหว่างพาชมบ่อปลูกสาหร่ายพวงองุ่น
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกลือ
นอกจากอาชีพปลูกสาหร่ายพวงองุ่นที่ทางฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ ส่งเสริมให้ชาวบ้านแล้ว ด้วยความที่ อ.บ้านแหลม เป็นแหล่งผลิตเกลือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีพื้นที่ถึง 32,000 ไร่ แต่ราคาเกลือตกต่ำมากเหลือเพียงเกวียนละ 600 บาท ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันนำเกลือมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง สมพงษ์ หนูศาสตร์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านร่องใหญ่ และประธานกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2546 ราคาเกลือตกมากจึงได้รวบรวมสมาชิกจัดตั้งเป็นกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทองขึ้น และคิดหาทางเพิ่มมูลค่าเกลือ จนปัจจุบันทางกลุ่มมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกลือแล้วกว่า 10 ชนิด อาทิ สบู่ เกลือขัดผิว สบู่เหลว โลชั่นทาตัว ฯลฯ และยังเปิดบริการสปา ทั้งนวดหน้านวดตัวด้วยผลิตภัณฑ์ของทางกลุ่มฯ มีชาวบ้านในพื้นที่ที่ว่างเว้นจากช่วงทำนาเกลือมาทำอาชีพเสริมกันหลายคน เป็นการกระจายรายได้แก่ชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
ทำนาเกลือที่ อ.บ้านแหลม
"เป็นผลพลอยได้จากที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ ตั้งอยู่ที่นี่ ชาวบ้านในพื้นที่จึงได้เรียนรู้วิธีการนำน้ำทะเลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น การนำเกลือมาทำเกลือสปาก็ล้วนเป็นการต่อยอดความรู้ที่ได้จากฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ ทั้งสิ้น" ผู้ใหญ่บ้านบ้านร่องใหญ่กล่าว
สครับผิวด้วยผลิตภัณฑ์จากกลุ่มเกลือทะเลกังหันทอง
ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงช่วยพลิกฟื้นให้เกษตรกรในแถบชายฝั่งทะเลมีอาชีพที่ยั่งยืน ทั้งยังส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง