ลิ้มรสไทยในสวนป่ากลางกรุง

          ผ่านมากว่า 67 ปีที่คนไทยรู้จัก จิม ทอมป์สัน ในฐานะเจ้าของบริษัทผ้าไหมชื่อก้องโลก ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นทั้งนักเดินทางและนักสำรวจผู้เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ เป็นนักสะสมงานศิลปะตัวยงแล้ว เขายังชื่นชอบการเข้าสังคมและเป็นที่จดจำได้เป็นอย่างดีถึงงานเลี้ยงสังสรรค์ยามค่ำที่บ้านริมคลองอันลือชื่อของเขาในกรุงเทพฯ ล่าสุด "สปิริต จิม ทอมป์สัน" (Spirit Jim Thompson) ร้านอาหารไทย ไฟน์ ไดนิ่ง ภายในซอยสมคิด ด้านข้างเซ็นทรัลชิดลม ถูกรังสรรค์ขึ้นจากบ้านไม้ทรงไทย 2 หลังใหญ่ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างแนบเนียน รายล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิด โดยทุกรายละเอียดของร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตและจิตวิญญาณของเขา 

ร้านบรรยากาศสุดหรูภายในร้าน

          ที่นี่ได้ เชฟมนตรี วิโรจน์เวชภัณฑ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารมานานกว่า 15 ปี มาออกแบบเมนูที่เปี่ยมไปด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งอาหาร ถ่ายทอดรสชาติอันประณีตของไทยได้อย่างครบถ้วน ตำรับอาหารรสชาติแท้และดั้งเดิมที่บรรจงเลือกมาอย่างพิถีพิถันล้วนเป็นอาหารที่หารับประทานได้ยาก และมีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ถูกนำเสนอด้วยมุมมองที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมพรั่งด้วยศิลปะแห่งการทำอาหารที่ได้ผสมผสานเข้ากันอย่างเหมาะสมและลงตัวที่สุด โดยใช้วัตถุดิบหลักๆ จากฟาร์ม จิม ทอมป์สัน ที่ อ.ปักธงชัย มาปรุงเป็นหลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีอาหารจากประเทศแถบเซาท์อีสต์เอเชียอย่าง พม่า ลาว เวียดนาม และคาบสมุทรมลายูมาร่วมแจมเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟทั้งแบบอะลาคาร์ทและแบบจัดเป็นเซต

เชฟมนตรี วิโรจน์เวชภัณฑ์

ตำมะเขือย่างไข่นกกระทา-ตำข้าวโพดม่วงโคราช-ทองพลุไส้ครีมกุ้งไก่-ลูกเห็ดทอดปักษ์ใต้

          สำหรับวันนี้จะพาไปรู้จักเมนูเด่นของทางร้านที่เชฟภูมิใจนำเสนอ เริ่มจากเมนูกินเล่นแบบเป็นคำที่จัดมาให้ครบทุกภูมิภาคทั้งเหนือ อีสาน กลาง ใต้ ประกอบด้วย ตำมะเขือย่างไข่นกกระทา เป็นการนำมะเขือเผา กระเทียมเผา พริกเผา และหัวหอมเผามาโขลกรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า กินพร้อมกับไข่นกกระทาต้มสุก ส่วน ตำข้าวโพดม่วงโคราช เป็นการดึงรสชาติของส้มตำออกมาแล้วห่อหุ้มด้วยเจลลี่สีชมพู เวลากินยังรู้สึกถึงความเป็นส้มตำไว้อย่างครบถ้วน ถัดมาที่ ทองพลุไส้ครีมกุ้งไก่ โดยการนำไส้ครีมกุ้งไก่มาทำเป็นมูสแล้วบีบเข้าไปในแป้งทอดลูกกลมๆ ปิดท้ายด้วย ลูกเห็ดทอดปักษ์ใต้ เป็นทอดมันมะพร้าวที่เชฟใส่เนื้อปลาลงไปเล็กน้อยก่อนนำไปทอด เพื่อช่วยกวาดเศษมะพร้าวในปาก

เรไรหน้าปูน้ำมะกรูด-กุ้งชักเปี๊ยะ-เมี่ยงคำน้ำตาลกรอบ-แกงกระด้างต้มยำปลากะพง

          นอกจากนี้ยังมี เมี่ยงคำน้ำตาลกรอบ ด้วยการโรยน้ำตาลที่เคี่ยวจนเหนียวเป็นตาราง แล้วทำเป็นตะกร้อห่อเครื่องเมี่ยงคำไว้ด้านใน รองด้วยใบชะพลู เรไรหน้าปูน้ำมะกรูด เส้นแป้งข้าวเจ้านึ่งจัดเป็นก้อนแบบพอดีคำ ราดด้วยครีมปูมะพร้าวปรุงรสด้วยน้ำมะกรูด กุ้งชักเปี๊ยะ หน้าตาคล้ายทอฟฟี่โบราณ ด้านในเป็นกุ้งบดห่อด้วยฟองเต้าหู้ แล้วเพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้วบ๊วยสูตรพิเศษ แกงกระด้างต้มยำปลากะพง เสิร์ฟในรูปแบบวุ้นต้มยำเนื้อปลากะพงที่คงความหอมของตะไคร้ ข่า และใบมะกรูด ให้รสชาติคลาสสิกตามแบบฉบับของต้มยำ

 สลัดหลวงพระบาง

แกงอ่อมเนื้อโคขุนโพนยางคำ

          ก่อนไปถึงจานหลักต้องไม่พลาดชิม สลัดหลวงพระบาง ภายในจานประกอบด้วยแตงกวาสไลด์เป็นชิ้นยาว มะเขือเทศ 2 ชนิด ต้นหอม กุ้งแห้ง ไก่ต้มฉีกเป็นเส้นยาว และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แต่งจานด้วยไข่นกกระทาต้มสุก ส่วนความพิเศษอยู่ที่น้ำสลัดสไตล์หลวงพระบางที่มีส่วนผสมหลักเป็นหมูสับ น้ำกระเทียมดอง และไข่แดง ปรุงรสแบบจัดจ้านให้ถูกปากคนไทย ได้เวลาสั่งซุปร้อนๆ มาซดให้คล่องคอ เมนูเด่นที่เชฟแนะนำคือ แกงอ่อมเนื้อโคขุนโพนยางคำ ที่ใช้ส่วนเนื้อน่องของโคขุนโพนยางคำเพื่อให้ได้คอลลาเจนทำให้น้ำซุปมีความเข้มข้นขึ้น ใช้เวลาต้มนานถึง 6 ชั่วโมงและตุ๋นต่ออีก 4 ชั่วโมง ระหว่างตุ๋นใส่หางวัวลงไปเพื่อเพิ่มคอลลาเจน จากนั้นเลาะเฉพาะเนื้อมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใส่ลงไปในน้ำแกง เสิร์ฟมาในแป้งพัฟฟ์อบกรอบเพื่อคงความของซุปร้อนได้ยาวนานยิ่งขึ้น

 แกงเขียวหวานซี่โครงแกะมะพร้าวอ่อนกับยอดมะพร้าวบด

ยำถั่วพูมะพร้าวสวนคั่วกับกุ้งอันดามันย่าง 

พะแนงโบราณถั่วลิสงโขลกกับซี่โครงเนื้อ

          ถึงเวลาของอาหารจานหลักที่วันนี้เชฟให้เลือกอร่อยกันได้ตามใจชอบ มีให้เลือกทั้ง แกงเขียวหวานซี่โครงแกะมะพร้าวอ่อนกับยอดมะพร้าวบด โดยนำซี่โครงแกะนำไปซูวีกับน้ำแกงเขียวหวานราว 1 ชั่วโมงเพื่อให้ซึมซาบเข้าไปในเนื้อแกะและเกิดกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมกับยอดมะพร้าวอ่อนบดปรุงรส เนื้อมะพร้าวอ่อน และมะละกอดองเพื่อตัดรส หรือจะเป็น ยำถั่วพูมะพร้าวสวนคั่วกับกุ้งอันดามันย่าง เสิร์ฟพร้อมข้าวนึ่งใบเตยสีเขียวอ่อนสลับสีเหลืองจากแซฟรอน ส่วนคนชอบกินเนื้อต้องไม่พลาดพะแนงโบราณถั่วลิสงโขลกกับซี่โครงเนื้อ ทางร้านเลือกใช้เนื้อวัวไปนาบในกระทะให้เนื้อสะดุ้ง เอาน้ำแกงเทลงไป ซูวีนาน 12 ชั่วโมงในอุณหภมิต่ำ เพื่อให้เนื้อเปื่อยนุ่ม ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานแปลกใหม่ที่เชฟรังสรรค์ขึ้นใหม่ในชื่อ ปทุมมารส ประกอบไปด้วยขนมสายบัว ทาร์ตสายบัวเชื่อม และไอศกรีมรากบัวและสายบัวเชื่อม

 ปทุมมารส

          ร่วมลิ้มรสอาหารรสไทยแท้พร้อมสัมผัสบรรยากาศหรูหราของ “สปิริต จิม ทอมป์สัน” ได้ทุกวันโดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา มื้อกลางวันตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่าย 3 ส่วนมื้อเย็นเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 5 ทุ่ม สอบถามรายละเอียดหรือจองโต๊ะได้ที่ 0-2017-7268-9