เซเลบแนะวิธีออมเงินยุคดิจิทัล

ชัยปกรณ์ จ.คุโนปกรณ์-ชลเดช เขมะรัตนา-พสุ ลิปตพัลลภ-ศรุดา พัฒนาหิรัญ

          ว่ากันว่าการออมเงินยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่จะแค่ออมด้วยการฝากเงินเพื่อหวังดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวก็ดูจะไม่ค่อยงอกเงย หรือหากจะคิดออมด้วยการลงทุนในตลาดทุน หลายคนก็คิดถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น เพราะไม่ค่อยมีความรู้ ไม่มีเวลาหาข้อมูล และที่สำคัญที่สุดคือการขาดช่องทางการลงทุนที่ง่ายและสะดวก แต่อุปสรรคเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นแค่อดีต เมื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง “หลวง" พสุ ลิปตพัลลภ ผู้มีประสบการณ์ด้านการเงิน-การลงทุนในธนาคารระดับนานาชาติ ร่วมมือกับเพื่อนนักธุรกิจรุ่นใหม่ แถมเชี่ยวชาญด้านฟินเทคอย่าง ชลเดช เขมะรัตนา, ศรุดา พัฒนาหิรัญ และ ชัยปกรณ์ จ.คุโนปกรณ์ ลุกขึ้นมาปั้นแอพพลิเคชั่น “โอดีนี่ (odini)” ให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงการลงทุนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วผ่านสมาร์ทโฟน

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-กรณ์ จาติกวณิช

พัชร สมะลาภา

กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี​​​​​​​

          ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ จึงมีทั้งคนดัง เซเลบริตี้ ตบเท้าร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย อาทิ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและประธานชมรมฟินเทคแห่งประเทศไทย พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย รวมไปถึง “ก้อง” กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี “โบ๊ท” บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ “แพม” สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล  “ปรางค์” อภินรา ศรีกาญจนา เป็นต้น

          “หลวง" พสุ ลิปตพัลลภ บอกว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องวางแผนการออมเพื่ออนาคต ซึ่งรูปแบบการออมก็มีหลากหลาย ไม่ได้มีเฉพาะการฝากเงินผ่านธนาคารเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือการออมต้องมาพร้อมกับความรู้ความเข้าใจ และถ้ามีช่องทางใหม่ๆ ที่สะดวก หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะทำให้คนไทยมีทางเลือกมากยิ่งขึ้นในการออม

สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล

          ด้านเซเลบรตี้พูดถึงเทคนิคการออมเพื่ออนาคตของแต่ละคน อย่างทายาทซุปเปอร์ริช “แพม” สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล บอกว่าเน้นทำธุรกิจควบคู่กับการลงทุนในลักษณะของการซื้อหุ้นและการลงทุนในกองทุนบ้าง ตอนนี้ก็กำลังศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจอยู่ ส่วนวิธีหรือเทคนิคการเลือกลงทุนจะดูจากการบริหารความเสี่ยง ระยะเวลา ดูว่าส่วนไหนควรลงทุนระยะสั้น ส่วนไหนควรลงทุนระยะยาว และดูข้อมูลต่างๆ รวมกัน

          “โบ๊ท” บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ บอกว่า ปกติจะออมโดยการลงทุนในกองทุน เพราะมีข้อดีคือเป็นการเก็บออมที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในแบงก์แน่นอน อีกทั้งยังเคยได้ยินว่าในต่างประเทศมีการใช้หุ่นยนต์ในการช่วยเรื่องการออมด้วย ซึ่งการนำเทคโนโลยีด้านการเงินนี้มาใช้ในประเทศไทยจะช่วยให้คนไทยสนุกกับการลงทุนและกล้าที่จะลงทุนมากขึ้น

          เช่นเดียวกับ “ก้อง” กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี พูดถึงแนวทางการออมส่วนตัวว่า ส่วนใหญ่จะออมผ่านกองทุนแต่จะเน้นลงทุนแบบคนเดียว ไม่ได้ผ่านโบรกเกอร์ ก่อนหน้านี้จะลงทุนแต่ละครั้งต้องทำการบ้านเอง ศึกษาข้อมูลเอง แต่ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วยแล้วน่าจะช่วยได้เยอะในแง่ประชาชนทั่วไปและคนรุ่นใหม่ที่อยากจะลงทุน เพราะในเมืองนอกก็มีทำมาแล้วพอสมควร คิดว่าเมืองไทยก็ถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีตัวช่วยเข้ามาช่วยตัดสินใจ