Lifestyle

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซูเปอร์คาร์ที่รวบรวม ความสปอร์ต หรูหรา สะดวกสบาย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน (มีคลิปข่าว)

อวดโฉมครั้งแรกในไทยของรถซูเปอร์คาร์ Ferrari Portofino V8 GT รถสปอร์ตเปิดประทุนที่ใช้ชื่อเมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศอิตาลี คือ เมือง Portofino มีเสน่ห์ในเรื่องของท่าเรือ เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามมากเมืองนึงในอิตาลี ทั้งเรื่องความงดงามของทิวทัศน์ กิจกรรมกีฬา และความหรูหราที่แอบซ่อนไว้และเสน่ห์ตรงนี้เองเป็นที่มาของสีตัวรถเพราะเป็นสีที่อุทิศให้กับเมืองนี้ คือ สี Rosso Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

อีกครั้งที่ คมชัดลึกออโต้ ได้รับเกียรติจาก มร.ดีเทอร์  เนชเทล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟอร์รารี่ ภูมิภาคตะวันออกและตะวันออกกลาง มาพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟพร้อม "เล่าเรื่องรถ" ถึงความสำคัญของ Ferrari Portofino เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน รุ่น V8 GT คันนี้ว่า นี่เป็นรถที่น่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ซึ่งเราสามารถเรียกได้ว่าเป็นรถ “2 in 1” คือเป็นรถที่สวยงามโดยสามารถเป็นรถแบบ fastback coupe และเป็นได้ทั้งรถเปิดประทุน ซึ่งได้มีการพัฒนาหลังคาต่อมาจากรุ่น California T ให้มีพื้นที่นั่งด้านหลังที่เยอะขึ้น ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เก็บสัมภาระได้มากขึ้น ใช้ง่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

อย่างที่สองคือเป็นรถรุ่นที่ทรงพลังที่สุดใน segment นี้ มีขุมพลังเครื่องยนต์ v8 เทอร์โบอันทรงพลังที่ 600 แรงม้าที่นำมาจากรุ่น 488 และพัฒนาต่อมาวางในรถยนต์รุ่นนี้ พร้อมกับมีการออกแบบภายในที่สะดวกสบายมากขึ้น และมองว่ารุ่น Portofino เป็นรถรุ่นที่น่าดึงดูดมากสำหรับลูกค้าที่ยังไม่ได้มีโอกาศสัมผัสกับแบรนด์เฟอร์รารี่เฉกเช่นเดียวกับรุ่น California และ California T ซึ่งรถประเภท Grand Tourismo นั้นน่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าที่มีอายุไม่มากได้จากการใช้งานที่ง่ายในชีวิตประจำวัน โดยเราจะเน้นกิจกรรมขับรถเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในการขับขี่หลังพวงมาลัย ว่ามันเป็นรถที่ขับง่ายและเราสามารถควบคุมรถได้ในทุกสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากระบบควบคุมต่างๆ ของรถ เพราะฉะนั้นเราจะให้เน้นให้คนได้ทดลองขับให้มากที่สุด และเชื่อว่านี่จะเป็นรถรุ่นที่ดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาได้มากที่สุด

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

สำหรับประเทศไทยรถยนต์ประเภท Grand Tourismo น่าจะเป็นรุ่นที่ขายได้ดีโดยดูได้จากรุ่น California T ที่เป็นรุ่นก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าตลาดในประเทศไทยมีการตอบรับที่ดีกับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบ เนื่องจากเทอร์โบนั้นมีความหมายสื่อไปถึงความแรงในการขับขี่ ทั้งนี้เราต้องการจะสานต่อความสำเร็จในรุ่น California T ที่ทำได้เป็นอย่างดีในตลาดประเทศไทยเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในไทย และถ้าพูดถึง คาวาลิโนมอเตอร์ ทางเรามีความพึงพอใจเป็นอย่างสูงในการทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เห็นการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งเสียงตอบรับจากลูกค้าในไทยจากการที่ได้พูดคุยก็บอกได้ว่าพวกเค้าประทับใจและพอใจในการดำเนินการของคาวาลลิโนเป็นอย่างมาก เรามีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีมาก

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

ส่วนคุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เผยถึงการทำตลาดรถยนต์แบรนด์ “เฟอร์รรารี่” ยังคงให้ความสำคัญกับการบุกตลาดเซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่มากขึ้น โดยมี “เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน” (Ferrari Portofino) เป็นรุ่นที่เข้ามาแทนรุ่นแคลิฟอร์เนีย และแคลิฟอร์เนีย ที ที่ได้ทำทำตลาดมา 5 ปี และสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 15% ของทุกรุ่นรวมกัน ส่วนรุ่น Portofino คาดการณ์ว่ายอดขายรวมถึง 25% ของยอดรวมทุกรุ่นในยอดขาย 5 ปีข้างหน้า และการรับประกัน 3 ปี และบริการซ่อมบำรุง ดูแลรักษา 7 ปี สำหรับรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่นทุกคัน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามาตรวจเช็คสภาพรถได้ทุก 6 เดือน เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบ 1 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เป้าหมายของคาวาลลิโน มอเตอร์ คือ การเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์คาร์ ซึ่งในมุมของเฟอร์รารี่ ไม่ใช่แค่สปอร์ตคาร์ แต่เป็นลักชัวรี่ ซูเปอร์คาร์ ซึ่งการขยายฐานตลาดสู่เซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่ หรือ GT เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปี (2013-2018) ยอดขายรวมของบริษัทเติบโตขึ้น 100% และจำนวนรถเฟอร์รารี่ในไทยเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2009 เป็นกว่า 700 คันในปัจจุบัน

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

“เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน” (Ferrari Portofino) ใช้ขุมพลัง V8 turbo ของ Ferrari ที่มีรางวัล International Engine of the Year ในปี 2016 และ 2017 ติดตัวพร้อมเรี่ยวแรงถึง 600 แรงม้า และอัตราเร่งจาก 0-100กม./ชม. ภายใน 3.5 วินาที ทำให้ พอร์โตฟิโน เป็นรถเปิดประทุนที่มีกำลังมากที่สุดที่รวบรวมข้อดีของหลังคาแข็งแบบ retractable ห้องเก็บสัมภาระและห้องโดยสารที่กว้างขวาง บวกกับที่นั่งเสริมด้านหลังอีกสองที่ มาพร้อมระบบช่วงล่างใหม่หมดมีการลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับในรุ่น California T ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากมาย น้ำหนักเบาลงถึงแม้ว่าตัวถังจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

เป็นครั้งแรกในรถยนต์ Ferrari ที่นำระบบ electronic rear differential (E-Diff3) มาใช้โดยทำงานร่วมกับระบบ F1-Trac ซึ่งช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและการควบคุม Ferrari Portofino เป็นรถประเภท GTคันแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบพวงมาลัย EPS (Electric Power Steering) ซึ่งสามารถลดอัตราทดพวงมาลัยได้ถึง 7% ผลดีก็คือการตอบสนองของพวงมาลัยที่ดีขึ้นโดยไม่กระทบกับความเสถียรและเมื่อทำงานร่วมกับระบบ E-Diff3 ระบบกันสะเทือนแบบ magnetorheological damping system (SCM-E) โดยได้ถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี dual-coil ที่ช่วยลดอาการโคลงในขณะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซับแรงสะเทือนจากความไม่ราบเรียบของถนน จึงกลายเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่มีความว่องไวปราดเปรียวและการตอบสนองที่ดีขึ้นและยังสัมผัสแห่งความสะดวกสบายไปพร้อมกัน

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

Ferrari Portofino เป็นรถที่มีดีไซน์ดุดันตัวถังแบบ two-box fastback  มีหลังคา retractable hardtop ซึ่งมอบความโฉบเฉี่ยวของ Aerodynamics ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องของการจัดการกับพื้นผิวของตัวถังรถ ด้านหน้ามีกระจังหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่จากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งของหน้ารถที่ได้ออกแบบมาอย่างประณีต มีชุดไฟหน้า full-LED ที่ดูเป็นแนวนอนมากขึ้น ด้านมุมนอกของไฟหน้านั้นมีการซ่อนช่องอากาศที่ผ่านเข้ามาทางซุ้มล้อหน้าและออกไปทางด้านข้างเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศ ส่วนด้านท้ายของรถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการวางตำแหน่งของไฟท้ายที่ห่างกันช่วยเก็บซ่อนพื้นที่สำหรับระบบ RHT Retractable Hard Top สามารถยกขึ้นหรือลงได้ที่ความเร็วต่ำ

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่ๆ มากมายระบบ infotainment จอ touchscreen ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเปิดหรือปิดหลังคา พวงมาลัย multi-function ใหม่ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 18 ทิศทาง มีพนักพิงดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาของผู้โดยสารหลัง และระบบจอ Passenger Display สำหรับให้ข้อมูลการขับขี่ผู้โดยสารด้านหน้า ผู้โดยสารทั้งหมดจะได้รับความสะดวกจากระบบ Wind Deflector ใหม่ที่สามารถลดแรงลมในห้องโดยสารได้ถึง 30% รวมทั้งช่วยลดเสียงรบกวน

ส่วนราคาของเฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน ที่ทางคาวาลลิโน มอเตอร์ เปิดตัวที่ 537,000 ยูโรหรือ 20.9 ล้านบาทที่สำคัญคือ ฟรีการบริการหลังการขายตลอด 3 ปี ไม่จำกัดระยะทางให้บริการจากทีมช่างผู้ชำนาญการด้วยเครื่องมือตามมาตรฐานจากโรงงานเฟอร์รารี่

เรื่อง ธวัชชัย พิชิตรณชัย 

E-mail : [email protected]

facebook : https://www.facebook.com/LoaReuangRot/

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

"2 in 1" กับ Ferrari Portofino

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ